การตลาด
สกู๊ป"อาร์เอส"เร่งปั้นธุรกิจ MPC นำทัพโกยรายได้หมื่นล้าน


ถือเป็นธุรกิจที่มาแรงเลยทีเดียวสำหรับธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง(MPC) จากธุรกิจหลักร้อยล้านบาทในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจหลักพันล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว และในอนาคตคาดว่าจะมีทะลุหลักหมื่นล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคนิยมความสะดวกสบายในการซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันมีกลุ่มบุคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาช่วยในการรีวิวสินค้าควบคู่ไปกับบริการด้านโลจิสติกส์ที่มีศักยภาพมากขึ้น จึงทำให้ธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด


จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าวทำให้บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน)ออกมาประกาศให้ธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) เป็นแม่ทัพในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อพารายได้รวมของ อาร์เอส ก้าวไปสู่เป้า 10,000 ล้านบาท ในปี 2565 จากปี 2561 ที่มีรายได้ประมาณ 3,827 ล้านบาท
 
 
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกในประเทศไทยในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่กว่า 2.5 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ขณะที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น สอดรับกับการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) ของบริษัท ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์กับพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในยุค 4.0

 
 
 
 
 
การขยายตัวในทิศทางที่ดีของธุรกิจ MPC ทำให้เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา อาร์เอส ได้ออกมาประกาศการนำธุรกิจ MPC ก้าวเข้าสู่ “ธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก” อย่างสมบูรณ์แบบ จากแผนธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างชัดเจนทั้งแนวราบและแนวตั้ง ทำให้ อาร์เอส ปรับประมาณการรายได้รวมสิ้นปี 2562 นี้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 30% โดยคาดหวังว่ารายได้จากธุรกิจ MPC จะมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากปีที่ 2561

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจ MPC มีรายได้เติบโตสูงกว่าทุกธุรกิจในเครือ อาร์เอส คือ การขยายช่องทางขายผ่านหลายแพลตฟอร์ม ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มทีวี ช่อง 8, call1781,ช่องไทยรัฐทีวี T Shopping 02-117-3232, ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี เลข 141, ช่องเพลินทีวี หรือวิทยุคูลฟาเรนไฮต์ ทำให้เข้าถึงผู้ชมมากกว่า 20 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์อย่าง www.shop1781.com, LINE@shop1781, LINE@COOLanything รวมถึง LifestarBIZ ตัวแทนขายตรง ห้างค้าปลีก และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ จึงทำให้ธุรกิจ MPC ของ อาร์เอส เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

และเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น อาร์เอส จึงมีแผนที่จะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ ด้วยการพัฒนาสินค้า (Product) และบริการใหม่ๆกว่า 200 รายการเข้าทำตลาด จากปัจจุบันมีสินค้าที่ตลาดอยู่ประมาณ 120 รายการ ด้วยการจับมือกับแล็บชั้นนำระดับโลก เพื่อผลิตสินค้าที่เป็นสุดยอดแห่งนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงจับมือกับคู่ค้า เพื่อเพิ่มสุดยอดสินค้าคุณภาพแบรนด์ชั้นนำอย่างสม่ำเสมอ

ปัจจุบัน อาร์เอส มีกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) คิดเป็นสัดส่วน 80% ได้แก่ กลุ่มสกินแคร์ภายใต้แบรนด์มาจีค (Magique), กลุ่มแฮร์แคร์ภายใต้แบรนด์รีไวฟ์ (Revive) และกลุ่มอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ (S.O.M) อีก 15% เป็นสินค้าในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ (Home&Lifestyle) 15% และอีก 5% เป็นกลุ่มเครื่องประดับและความเชื่อ (Accessories) และอื่นๆ

จากจำนวนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ อาร์เอส มีแผนที่จะเพิ่มจำนวน Telesales หรือพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการซื้อซ้ำของผู้บริโภครวมทั้งให้บริการคำปรึกษาแนะนำธุรกิจตลอด24ชั่วโมง โดยในปีนี้ มุ่งสร้างและขยายทีม ไลฟ์สตาร์ บิส “LIFESTAR BIZ” หรือตัวแทนขายตรงขั้นเทพจากทั่วประเทศเพิ่ม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รายได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสได้”

นอกจากนี้ ยังจะต่อยอดความสำเร็จจากการบริหารฐานข้อมูล BigData ขนาดใหญ่จาก 1.2 ล้านเพิ่มเป็น 1.8 ล้านรายให้มีประสิทธิภาพนำมาวิเคราะห์ในเชิงลึกเพื่อพัฒนาและนำเสนอสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และสร้างให้เกิดการซื้อซ้ำต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ นอกจากจะมีธุรกิจ MPC มาเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้รายได้รวมของ อาร์เอส เติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว การที่ธุรกิจสื่อของอาร์เอส มีเม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 7% โดยเฉพาะช่อง 8 ทำให้ผลประกอบการของช่อง 8 ในปีที่ผ่านมาพลิกมากำไรสวนทางกับทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆ ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้ gross profit margin มีการขยายตัวเพิ่มเป็น 49.0% จาก 42.4%.

 
 
 
 
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจ MPC สูงขึ้นมาก จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวบริษัทมั่นใจว่าในปีนี้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวยังเติบโต เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจเครื่องใช้ในครัวเรือนมาต่อยอดอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการย้ายหมวดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้ลงทุนในหุ้นพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและสม่ำเสมอ

ช่วงระหว่างทางที่จะก้าวสู่รายได้ 10,000 ล้านบาท ในปี 2565 อาร์เอส ก็มีแผนที่จะจับมือกับพันธมิตรหลากหลายช่องทาง เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายธุรกิจ MPC โดยเฉพาะการจับมือกับช่องทีวีดิจิทัล หลังจากก่อนหน้านี้ได้จับมือกับช่องไทยรัฐทีวี เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายผ่านรายการ “T Shopping ส่งฟรีทุกที่ เก็บเงินปลายทาง” และได้ผลการตอบรับที่ดี ทำให้สิ้นปี 2562 อาร์เอส คาดว่าจะมีรายได้จากช่องไทยรัฐทีวีอยู่ที่ 350 ล้านบาท และปี 2563 อยู่ที่ 455 ล้านบาท

ในด้านของธุรกิจทางแนวตั้ง อาร์เอส ก็มีแผนที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ผลิต Original Equipment Manufacturer (OEM) เพื่อรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด รวมไปถึงการจับมือกับพันธมิตร Original Brand Manufacturer (OBM) เพื่อผลิตแบรนด์ของตัวเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนภายในไตรมาส3 นี้

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า จากประสบการณ์ที่มีในวันนี้บริษัทพร้อมแล้วที่ก้าวขึ้นเป็นเจ้าของโรงงานผลิตสินค้า เพื่อสร้างสรรค์แบรนด์คุณภาพในกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาทแน่นอน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 เม.ย. 2562 เวลา : 18:15:48
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 10:47 am