แบงก์-นอนแบงก์
คลังขยาย"พิโกพลัส"ปล่อยกู้1แสนบาทต่อราย


กระทรวงการคลังขยายเพดานให้นิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สามารถประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แก่ประชาชนในวงเงิน 100,000 บาทต่อราย (พิโกพลัส)


นายพรชัย  ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงินในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่าตามที่กระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อให้รองรับความต้องการทางการเงินของประชาชน ซึ่งได้นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบในคราวประชุมเมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2562 นั้น ขณะนี้ สศค.ได้ดำเนินการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 และมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2562 เป็นต้นมา ประกาศดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้

1. กำหนดให้เก็บ“อัตรากำไรจากการให้สินเชื่อ”เพื่อให้รองรับกลุ่มลูกค้าชาวมุสลิมที่ต้องการใช้บริการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ได้ตามหลักศาสนาอิสลาม 
2. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ดังนี้
2.1  วงเงินสินเชื่อและทุนจดทะเบียนหรือเงินลงหุ้น
(1)  ผู้ประกอบธุรกิจที่ประสงค์ให้กู้ยืมเงินแก่ลูกค้าในวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
(2)  ผู้ประกอบธุรกิจที่ประสงค์ให้กู้ยืมเงินแก่ลูกค้าในวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย (พิโกพลัส) ต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
2.2 อัตราดอกเบี้ย อัตรากำไรจากการให้สินเชื่อ ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม (Effective Rate)
(1) วงเงินสินเชื่อส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาทแรก อาจเรียกเก็บรวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี 
(2) วงเงินสินเชื่อส่วนที่เกินกว่า 50,000 บาท อาจเรียกเก็บรวมกันได้ไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี

3. กำหนดวิธีการยื่นคำขออนุญาต ดังนี้
3.1 ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์อยู่เดิม
(1) สามารถประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ในวงเงิน 50,000 บาทต่อราย ต่อไปได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกอบธุรกิจที่กำหนดตามประกาศฉบับใหม่
(2) หากต้องการที่จะให้กู้ยืมเงินประเภทพิโกพลัส ต้องยื่นคำขออนุญาตใหม่ผ่าน สศค. พร้อมส่งหลักฐานการเพิ่มทุนจดทะเบียนซึ่งชำระแล้วหรือเงินลงหุ้นให้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ประกอบธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ในลักษณะเดิมต่อไปจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจประเภทพิโกพลัส
 
3.2 ผู้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการยื่นและพิจารณาคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจเป็นประเภทพิโกพลัส ให้แจ้งแก่ สศค. โดยเร็ว และแก้ไขเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมส่งมายัง สศค.
3.3  นิติบุคคลอื่นที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ สามารถยื่นคำขออนุญาตและเอกสารหลักฐานมายัง สศค. ผ่านช่องทางใหม่ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด และผ่านช่องทางเดิม ได้แก่ สศค. สาขาของธนาคารออมสิน สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)หรือส่งเอกสารผ่านไปรษณีย์ลงทะเบียนมายัง สศค.

4. ปรับปรุงแบบรายงานและกำหนดเวลานำส่งงบการเงิน
ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดทำรายงานการให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และนำส่งมายัง สศค. เป็นรายเดือนตามแบบรายงานที่ สศค. ได้ปรับปรุงใหม่และนำส่งงบการเงินประจำปีต่อ สศค. ภายใน150 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี

ในการนี้สศค.จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ติดต่อยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ประเภทพิโกพลัส เนื่องจากเป็นโอกาสที่จะขยายวงเงินสินเชื่อแก่ลูกค้าให้สูงขึ้นโดยได้รับผลตอบแทนทางธุรกิจในระดับที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถช่วยเหลือผู้มีความเดือดร้อนจำเป็นทางการเงินให้เข้าถึงสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ในระบบทดแทนการกู้ยืมเงินนอกระบบได้อีกด้วย โดยผู้สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.1359.go.th
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 เม.ย. 2562 เวลา : 14:58:08
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 4:16 pm