หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการทำธุรกิจขนมขบเคี้ยวในรูปแบบของสาหร่ายอบแห้ง ล่าสุด“เถ้าแก่น้อย” มองเห็นโอกาสในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยการคว้าลิขสิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์ “ร้านฮิโนยะ”ข้าวแกงกะหรี่ ดีกรีแชมป์จากประเทศญี่ปุ่น นำมาทดลองเปิดให้บริการในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เป็นสาขาแรก เพื่อเป็นการทดลองผลการตอบรับของลูกค้าชาวไทยก่อนที่จะมีการขยายสาขาเพิ่ม
เหตุผลที่ทำให้“เถ้าแก่น้อย”สนใจโดดเข้ามาทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในครั้งนี้ ปัจจัยหลักน่าจะมาจากคนไทยให้ความสนใจรับประทานอาหารญี่ปุ่น ซึ่งข้าวแกงกระหรี่ก็เป็นร้านอาหารอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความนิยม เห็นได้จากจำนวนร้านข้าวแกงกระหรี่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้หากมาดูที่ภาพรวมตลาดรวมร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยที่เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า10-15% ส่งผลให้ปัจจุบันภาพรวมตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทและคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าแตะ 30,000 ล้านบาทอย่างแน่นอนจากเหตุและผลดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม “เถ้าแก่น้อย” จึงโดดเข้ามาร่วมสมรภูมิการแข่งขันในตลาดร้านอาหารญี่ปุ่น
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ในเครือเถ้าแก่น้อยกล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจใหม่ๆเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจขนมขบเคี้ยว เนื่องจากภาพรวมท่องเที่ยวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยนิ่ง จึงทำให้มีผลต่อยอดขาย ซึ่งธุรกิจแรกที่บริษัทจะให้ความสำคัญคือธุรกิจร้านอาหาร ด้วยการตั้งบริษัทเถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะ
สำหรับร้านอาหารแบรนด์แรกที่“เถ้าแก่น้อย”จะนำเข้ามาอยู่ในพอร์ตธุรกิจร้านอาหาร คือ ร้านข้าวแกงกะหรี่ “ฮิโนยะ เคอรี่”จากญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาพบว่าได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายต่อวันอยู่ที่ประมาณ 700-800 จาน สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะมียอดขายอยู่ที่วันละประมาณ 300 จานเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ประสบความสำเร็จ คือรสชาติของอาหารและเมนูข้าวแกงกะหรี่ที่หลากหลายเกือบ 30 รายการ มีขนาดอาหารให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นขนาด S M หรือ L มีราคาเริ่มต้นที่ 140 บาท โดยในส่วนของเมนูไฮไลต์ที่เรียกความสนใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี คือ ข้าวแกงกะหรี่หน้าไข่ดิบ (ราคาเริ่มต้นที่ 160 บาท), ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตสึ (ราคาเริ่มต้นที่ 220 บาท)และข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอดซอสนัมบัง (ราคาเริ่มต้นที่ 210 บาท) เป็นต้น
นอกจากนี้ล่าสุดยังได้มีการเปิดตัวเมนูใหม่อีก7เมนู เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้แก่ ข้าวแกงกะหรี่โนริสาหร่ายเถ้าแก่น้อย(ราคาเริ่มต้นที่ 160 บาท) มีจุดเด่นในด้านของการผสมผสานความหอมอร่อยกลมกล่อมของสาหร่ายเถ้าแก่น้อยเข้ากับความเข้มข้น 3 มิติของแกงกะหรี่ฮิโนยะได้อย่างลงตัว และสำหรับคนรักเนื้อวัว ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ยังเอาใจด้วยการนำเมนูวากิวหรือเนื้อวัวจากญี่ปุ่น “ข้าวแกงกะหรี่วากิวอะบุริ” ที่คัดสรรเนื้อวากิวชั้นดีนำมาลนไฟ รับประทานคู่กับไข่ดิบ (ราคาเริ่มต้นที่ 380 บาท) เมนูข้าวแกงกะหรี่แฮมเบิร์กเนื้อ (ราคาเริ่มต้นที่ 240 บาท) ท้ายสุดเมนูพิเศษรวมท็อปปิ้งยอดนิยมให้คนรักแกงกะหรี่ได้อิ่มฟินอย่างจุใจในจานเดียว คือเมนู “ข้าวแกงกะหรี่จัมโบ้ รวม 6 อย่าง หมูทงคัตสึ, ไก่นัมบัง, ชีสย่าง, ไข่แดง, กุ้งทอดและไส้กรอก (ราคาเริ่มต้นที่ 440 บาท)
จากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าวทำให้ในปีนี้“เถ้าแก่น้อย”มีแผนที่จะขยายร้าน“ฮิโนยะ เคอรี่” อีก 3 สาขา ภายใต้งบลงทุนสาขาละประมาณ 3 ล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 2 ปีนับจากนี้จะมีร้านฮิโนยะ เคอรี่ เปิดให้บริการครบ 10 สาขา และมีรายได้ 100 ล้านบาท
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวต่อว่าหลังจากบริษัทได้เปิดให้บริการร้านฮิโนยะ เคอรี่ ครบ 20 สาขา บริษัทมีแผนที่จะพิจารณาขยายสาขาร้านฮิโนยะ เคอรี่ ในรูปแบบแฟรนไชส์ เนื่องจากบริษัทต้องการให้ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ในอีก 3 ปีนับจากนี้มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการครบ 100 สาขา ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในอนาคตบริษัทก็จะนำร้านฮิโนยะ เคอรี่ ขยายตลาดไปในตลาดต่างประเทศต่อไป
ร้านฮิโนยะ เคอรี่ หรือHinoya Curry เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ชื่อดังในประเทศญี่ปุ่นถือกำเนิดในYushima ในกรุงโตเกียว ในปีคศ. 2011 แม้จะเป็นทำเลที่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก แต่ฮิโนยะ เคอรี่กลับทำยอดขายได้ดีเยี่ยม คิวยาวตลอดจากร้านเล็กๆแห่งแรกเพียงร้านเดียว จึงเติบโตอย่างรวดเร็วจากการที่ลูกค้าพูดกันปากต่อปาก
และการที่ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันข้าวแกงกะหรี่ระดับประเทศ Kanda Curry Grand Prix ปี 2013 ด้วยเมนูข้าวแกงกระหรี่ไข่ดิบและข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตสึ ยิ่งทำให้ร้านฮิโนยะ เคอรี่ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดร้านได้เพียง1 ปี 10 เดือนท่ามกลางคู่แข่งขันที่เปิดร้านเก่าแก่กว่า 30 ปี
ด้านนายฮิอูระ มาซารุ เจ้าของร้านและเชฟชื่อดังผู้สืบทอดสูตรข้าวแกงกะหรี่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโชวะ ร้านฮิโนยะ เคอรี่ กล่าวว่าแกงกะหรี่ฮิโนยะคิดค้นสูตรโดยคุณย่า ปรุงโดยคุณพ่อ ผ่านการคิดค้น ทดลองให้มีมิติที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในรุ่นลูกคือเขาเอง ถือเป็นแกงกะหรี่พรีเมี่ยมที่มีมิติแปลกใหม่ คงสเน่ห์ของความดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นแต่เพิ่มเติมมิติที่สามด้วยส่วนผสมกว่า90 ชนิด อาทิ กล้วย มะม่วง องุ่นแห้งและลูกพีช และเครื่องเทศกว่า 26 ชนิด จนมีเอกลักษณ์ตามสโลแกน“คำแรกหวาน คำที่สองเผ็ดร้อน คำสุดท้ายหอมกรุ่นอยู่ในปาก”ถูกปากชาวญี่ปุ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและวันนี้ ร้านฮิโนยะ เคอรี่ กลายเป็นร้านขวัญใจคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงานที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า รวมถึงกลุ่มวัยกลางคนถึงสูงอายุด้วยรสชาติที่กลมกล่อม เข้มข้นแบบดั้งเดิม
ดูจากความสำเร็จของร้านฮิโนยะ เคอรี่ ที่ได้รับในประเทศญี่ปุ่น และในประเทศไทยตลอดกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ก็น่าจะพอเป็นคำตอบได้ว่า ร้านฮิโนยะ เคอรี่ ในประเทศไทยน่าจะประสบความสำเร็จตามรอบร้านฮิโนยะ เคอรี่ ในประเทศญี่ปุ่น หากมีการทำการตลาดที่ดีและคงไว้ซึ่งรสชาติดั้งเดิมแบบฉบับที่ประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่น ส่วนจะขยายสาขาในประเทศไทยได้ครบ 100 สาขาตรงตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูกันต่อไป เช่นเดียวกับธุรกิจน้องใหม่ที่ “เถ้าแก่น้อย” จะทยอยเปิดตัวออกมาเสริมทัพความแข็งแกร่ง
ข่าวเด่น