การตลาด
สกู๊ป "แม็คโคร"ลุยโมเดล"ดิจิทัล สโตร์"ย้ำผู้นำธุรกิจค้าส่งด้านการจัดหาสินค้า


หลังจากออกมาประกาศยุทธศาสตร์ “แม็คโคร 4.0” ไปเมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย วันนี้บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ เพื่อยกระดับห้างแม็คโครให้เป็น“แม็คโคร 4.0 คู่คิด...เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ภายใต้แนวคิด “เคียงข้าง สร้างสรรค์ มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน” มุ่งเน้นความเป็นที่หนึ่งในเรื่องการจัดหาสินค้า เพื่อผู้ประกอบการแบบครบวงจร


สำหรับกลยุทธ์ที่กลุ่มสยามแม็คโครได้เลือกนำมาใช้ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าส่งให้เติบโตไปพร้อมกับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง คือการนำความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) และปัญญาประดิษฐ์(AI) มาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจของลูกค้าผู้ประกอบการ ด้วยการปั้น “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” สาขาลาดกระบัง เป็นสาขาต้นแบบในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ เพื่อเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการ การบริหารจัดการร้านค้า พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า เข้าไว้ด้วยกัน

ทั้งนี้“แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” สาขาลาดกระบัง ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 6,700 ตารางเมตร ออกแบบและวางระบบด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อบริหารจัดการภายในร้านค้าและการให้บริการต่างๆ ตั้งแต่จุดรับชำระเงิน ชั้นวางสินค้า การบริหารจัดการสินค้าคงคลังทั้งหน้าร้านและหลังร้าน การตรวจเช็คสินค้าราคา การสั่งสินค้าผ่าน อีคอมเมิร์ซ, การใช้ไฟฟ้าและการประหยัดพลังงานภายในสาขา ซึ่งระบบจะทำการแจ้งเตือนผ่านการแสดงหน้าจอบนแผงตรวจสอบและควบคุมการปฏิบัติงาน

 
 
 
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” เป็นร้านค้าแบบฟูดเซอร์วิสที่นำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอด ทำให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ 4 ด้าน นั่นคือ บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการในสาขา ประหยัดพลังงานในระยะยาว และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างประสบการณ์ความพึงพอใจรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าผู้ประกอบการยุคดิจิทัล ให้สะดวก รวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงทำงานสอดคล้องกับแม็คโครแอพพลิเคชั่นที่เพียงเดินเข้ามาในสาขาระบบจะทำการแจ้งเตือนให้ลูกค้าไม่พลาดทุกโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษ

 
 
 
 
สำหรับประโยชน์ที่จะเกิดกับธุรกิจ 4 ด้านภายหลังการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ มีดังนี้ คือ 1. การให้บริการลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยี กล้อง AI อัจฉริยะมาใช้ใน “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” เพื่อตรวจสอบปริมาณสินค้าบนชั้นวาง แก้ปัญหาสินค้าขาดสต๊อกและเติมสต๊อกสินค้าได้ทันท่วงทีตามความต้องการของลูกค้า

นอกจากนี้ยังลดโอกาสการสูญเสียทางธุรกิจ เนื่องจากเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าได้สินค้าครบตามต้องการ และเพื่อให้ได้รับความสะดวกเมื่อก้าวมาใช้บริการในห้างแม็คโครมากขึ้น บริษัท สยามแม็คโคร ได้ระบบ คิวบัสเตอร์ เข้ามาช่วยในการชำระเงิน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและรวดเร็วไม่ต้องรอคิวชำระเงินเป็นเวลานาน

ประโยชน์ด้านต่อไปที่จะได้รับจากการนำเทคโนโลยี IoT และ AI มาใช้ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการในสาขา ด้วยเทคโนโลยี ป้ายราคาอัจฉริยะ ที่จะเปลี่ยนแปลงราคาได้รวดเร็วและแม่นยำเพียงแค่คลิก

ประหยัดเวลาเปลี่ยนป้ายราคาที่สาขา, Picking Solution ระบบการส่งสินค้าที่รวดเร็วและแม่นยำ, ระบบทำความเย็นอัจฉริยะสำหรับตรวจจับความร้อนและทำความเย็นทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในตู้แช่ จึงทำให้คงความสด และคุณภาพสินค้าได้ยาวนานขึ้น

ส่วนประโยชน์ด้านที่ 3 คือ การประหยัดพลังงานในระยะยาวด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Panel) ที่ผลิตไฟฟ้าให้สาขาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยให้สาขาประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าได้ถึง 35% ส่วนประโยชน์ด้านที่ 4 คือ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วย หน้าจอ Eco-Friendly แสดงผลการลดพลังงานภายในสาขา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 798,000 กิโลกรัมต่อปีของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

นอกจากนี้ยังมีระบบทำความเย็นอัจฉริยะ ลดการใช้พลังงานจากระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ ด้วยการกระจายการทำงานเป็นชุดอิสระ ควบคุมและสั่งการผ่านระบบส่วนกลางที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านแท็บเลท รวมถึงจุดชาร์ตไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า บริเวณลานจอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดพลังงานมากขึ้น

นางศิริพร กล่าวต่อว่าพนักงานทุกคนในสาขาจะได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีทั้งหมดภายในสาขาอย่างเชี่ยวชาญและในช่วงแรกพนักงานที่ได้รับการอบรมเหล่านี้จะคอยช่วยให้คำแนะนำแก่ลูกค้า เพื่อให้มีความคุ้นเคย จนกว่าลูกค้าจะคุ้นเคยและสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 
 
 
 
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว บริษัท สยามแม็คโคร มั่นใจว่าท่ามกลางความท้าทายรอบด้านที่เกิดขึ้นในขณะนี้ “แม็คโคร”จะสามารถก้าวผ่านการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจค้าปลีกไปได้อย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น จนทำให้บางคนเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตในแต่ละวันไปเรียบร้อยแล้ว สังเกตง่ายๆจากการวที่คนไทยเสพติดมือถือและสื่อโซเชียลมีเดียสูงอยู่ในลำดับต้นๆของโลก

นางศิริพร กล่าวปิดท้ายว่าบริษัทเชื่อมั่นว่าในยุคแห่งความท้าทายของธุรกิจค้าส่งการที่บริษัทหันมาใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพมากขึ้น จะทำให้ห้างแม็คโครสามารถสู้กับคู่แข่งในท้องตลาดได้อย่างแน่นอน โดยมี แม็คโคร สาขาลาดกระบังเป็นต้นแบบในการนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งนับจากนี้ไปบริษัทจะหันมาทำการตลาด “แม็คโคร ดิจิทัล สโตร์” อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น

ปัจจุบันแม็คโครมีสาขารวมทั้งหมด 129 สาขา แบ่งเป็น ศูนย์จำหน่ายสินค้าแม็คโคร รูปแบบคลาสสิค จำนวน 79 สาขา, เป็นแม็คโครฟูดเซอร์วิส จำนวน 25 สาขา, เป็นอีโค พลัส จำนวน 13 สาขา, เป็นแม็คโคร ฟูดช้อป จำนวน 5 สาขา และเป็นสยามโฟรเซ่น จำนวน 7 สาขา ซึ่งในส่วนของปี 2562 นี้จะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายใหม่อีก 7-8 สาขาภายในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการปรับปรุงสาขาเดิมภายในประเทศ และลงทุนระบบสารสนเทศหรือไอทีรวมเป็นงบลงทุน 5,800 ล้านบาท

ส่วนที่เหลืออีก 2,700 ล้านบาท จะใช้ไปกับการขยายสาขาในต่างประเทศ โดยประเทศที่จะเข้าไปเปิดสาขาใหม่ คือ จีน เปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา และเมียนมาร์จะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา จากปัจจุบันบริษัทมีสาขาในต่างประเทศแล้วจำนวน 5 สาขาใน 2 ประเทศ ได้แก่ ในประเทศกัมพูชาจำนวน 2 สาขา และในประเทศอินเดียจำนวน 3 สาขา

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ก.ค. 2562 เวลา : 14:07:00
09-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 9, 2024, 1:06 am