การตลาด
สกู๊ป ''JKN'' เมินโควิด-19 กวาดรายได้ในไทย - ต่างประเทศพุ่งคาดสิ้นปีโกย 2,000 ล้าน


แม้ว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจ แต่สำหรับธุรกิจจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์กลับตรงกันข้าม เพราะจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการทีวีทั้งในประเทศและต่างประเทศต้องสรรหาคอนเทนต์ต่างๆ มาออกอากาศเพิ่มเติม เนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาไม่สามารถดำเนินการถ่ายทำคอนเทนต์ต่างๆ ได้

 

จากผลดีที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ภาพรวมธุรกิจคอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา  ด้วยเหตุนี้ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอลมีเดีย จำกัด(มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์จึงได้รับอานิสงส์ไปแบบเต็มๆ  เห็นได้จากรายได้ที่มาจากการนำคอนเทนต์ไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศและการนำคอนเทนต์ต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมีอัตราการเติบโคเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

 

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล กล่าวว่า ภาพรวมตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้มีแนวโน้มเติบโตที่ดี  เนื่องจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลหลายช่องให้ความสนใจซื้อคอนเทนต์ไปออกอากาศเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนรายการปกติที่ไม่สามารถผลิตได้ในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019

 

นอกจากนี้  การที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลออกมาซื้อคอนเทนต์เพิ่มเติม ส่วนหนึ่งต้องการลดค่าใช้จ่ายด้านการผลิตรายการในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จากเหตุปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นโอกาสของ JKN ที่จะนำคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือทั้งหมด  8 กลุ่มคอนเทนต์ ครอบคลุมสาระและความบันเทิงออกมากจำหน่าย ซึ่งคอนเทนต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล คือ  ซีรีส์อินเดีย ซีรีส์ฟิลิปปินส์ และสารคดีจากแบรนด์ดังระดับโลก 

 

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา JKN ได้ส่งซีรีส์ดังลงผังทีวีดิจิทัลในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง  เริ่มจาก ‘นิทานเวตาล’ สุดยอดวรรณกรรมอมตะ ซีรีส์อินเดียแนวแฟนตาซี ที่ออกอากาศผ่านช่อง GMM25 เมื่อกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา  ตามด้วยช่อง 3HD ที่ซื้อคอนเทนต์ซีรีส์ฟิลิปปินส์ฟอร์มยักษ์อย่าง ‘ศึกล้างเผ่าพันธุ์ พระจันทร์สีเลือด’ ซีรีส์ดังที่กวาด 3 รางวัลซีรีส์โทรทัศน์ยอดเยี่ยมของฟิลิปปินส์  มาออกอากาศในวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา  ขณะเดียวกันช่องเวิร์คพอยท์ พร้อมนำอมตะซีรีส์ ‘พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก’  ซีรีส์ที่แฝงด้วยหลักธรรมคำสอน กลับมาให้ได้รับชมอีกครั้ง  ในวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา และช่อง  8  เองก็ได้มีการซื้อคอนเทนต์ซีรีส์อินเดียไปออกอากาศเพิ่มเติม ประกอบด้วย  ‘นาคิน แค้นรักนางอสรพิษ ซีซั่น3’ ซีรีส์ดราม่าแฟนตาซีแห่งปี ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา

 

นายจักรพงษ์  กล่าวต่อว่า ตลาดคอนเทนต์ในประเทศช่วงครึ่งปีแรกถือว่าโดดเด่นมาก เนื่องจากทีวีดิจิทัลเลือกซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จาก JKN เพิ่มเติม เพื่อรองรับกับผู้ชมที่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านมากขึ้น  ซึ่งจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต้องหาคอนเทนต์ที่มีคุณภาพมาจำหน่ายเพิ่มเติม  เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ชม

 

จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้  JKN มีแผนที่จะรุกขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และละครไทยจากช่อง 3 เพิ่มเติม เพื่อให้อีก 3 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% ของรายได้รวมทั้งหมด จากปัจจุบันมีอยู่ที่ประมาณ 32% และก้าวสู่การเป็นบริษัท Global Company

 

ล่าสุด JKN  ได้ขยายตลาดจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ไปยังกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาได้เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่จำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดอาเซียนไปแล้วกว่า 100 เรื่อง ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ประเทศในกลุ่ม CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซีย เกาหลีและไต้หวัน เพื่อนำไปออกอากาศผ่านทีวีทีวีดิจิทัล และรับชมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTT

 

 

นายจักรพงษ์  กล่าวว่า แผนการตลาดของบริษัทนับจากนี้  บริษัทจะใช้กลยุทธ์ซุปเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง  ด้วยการให้ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นของอินเดีย ฟิลิปปินส์  หรือไทย  มาร่วมออกบูทในงานอีเวนต์ที่เกี่ยวกับการจำหน่ายลิขสิทธิ์ระดับโลกในต่างประเทศ เพื่อนำเสนอลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่หลากหลายในมือรวม 8 กลุ่ม และลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก  

 

อย่างไรก็ดี  จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว  JKN มั่นใจว่า  จากความเชี่ยวชาญในการทำตลาดจัดจำหน่ายคอนเทนต์ที่เป็นตัวจริงแห่งการค้าคอนเทนต์ในภูมิภาค จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และผลักดันให้มีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

 

ด้าน นายบรรพต ชวาลกร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN  กล่าวว่า  ที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยหนึ่งในความสำเร็จดังกล่าว คือ การทำข้อตกลงจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 เรื่อง Love Destiny หรือ บุพเพสันนิวาส ให้แก่บริษัท ‘มีเดีย คอร์ป’ สื่อทีวีดิจิทัลยักษ์ใหญ่ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ละครไทยได้ถูกนำไปออกฉายให้แก่ผู้ชมชาวสิงคโปร์ผ่านโทรทัศน์ ช่อง U และ meWATCH จึงนับว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของ JKN ในการขยายตลาดละครไทยออกไปสู่ทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 

 

พร้อมกันนี้ JKN ยังประสบความสำเร็จในการปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครจากช่อง 3 กับ ‘ติ่มซำ’ ซึ่งเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ที่มี แพลตฟอร์ม OTT ทั้งในประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงค์โปร์ และประเทศบรูไน โดยครั้งนี้ ‘ติ่มซำ’ ได้นำละครไทยที่ได้รับความนิยมอีก 5 เรื่อง รวม 180 ชั่วโมง ได้แก่

 

1.Deceitful Love หรือ ร้อยเล่ห์มารยา

2. Shadow of Love หรือ ซ่อนเงารัก

3. The Crown Princess หรือ ลิขิตรักข้ามดวงดาว

4. Repercussion หรือ กรงกรรม

และ 5. My Himalayan Embrace หรือ ฟากฟ้าคีรีดาว

 

ไปออกอากาศเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มเพิ่มเติม จากเดิมที่เคยซื้อคอนเทนต์ละครไทยจาก JKN เพื่อนำไปออกอากาศมาแล้ว รวมความยาว 350 ชั่วโมง

 

จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว JKN  มั่นใจว่าปี 2563 จะรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  หลังจากมีการขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยสิ้นปี 2563  คากว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือมีรายได้แตะ 2,000 ล้านบาท  ความสำเร็จที่ JKN ได้รับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ท่ามกลางวิกฤติก็ยังมีโอกาสให้คว้าอยู่เสมอ  ตราบใดที่มีสินค้าที่ตรงความต้องการผู้บริโภค


บันทึกโดย : วันที่ : 30 พ.ค. 2563 เวลา : 10:20:47
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 6:35 pm