ศบค.เผยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 10 คน กลับจากต่างประเทศ สะสม 3,279 คน ส่วนกรณี จ.ระยองครบกักตัว 14 วันแล้ว กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดไม่พบผู้ติดเชื้อ
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในวันนี้ (24 ก.ค.63) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 คน เดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,279 คน หายป่วยเพิ่ม 2 คน สะสม 3,107 คน ไม่มีเสียชีวิตเพิ่มคงที่ 58 คน อยู่ระหว่างการรักษา 114 คน
ผู้ติดเชื้อใหม่ 10 คน ได้แก่ กลุ่มใหญ่สุดเป็นทหารไทย 6 คนที่กลับมาจากการฝึกที่ฐานทัพฮาวายของสหรัฐ อายุระหว่าง 20-32 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 22 ก.ค. ผ่านการคัดกรองที่ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) คือ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ถ่ายเหลว และมีผื่นขึ้นตามตัว จึงตรวจหาเชื้อ ซึ่งผลตรวจยืนยันพบการติดเชื้อ
หญิงไทยวัย 23 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางกลับมาจากซูดานถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อในวันที่ 21 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ
หญิงไทยวัย 18 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางกลับมาจากปากีสถานถึงไทยวันที่ 12 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่กทม. และตรวจหาเชื้อวันที่ 21 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ
นักเรียนชายไทยวัย 18 ปี เดินทางจากเยอรมนีถึงไทยวันที่ 16 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 22 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ
และหญิงไทย อายุ 37 ปี อาชีพค้าขายกลับจากเนเธอร์แลนด์ เดินทางถึงไทยวันที่ 18 ก.ค.เข้าพัก State Quarantine จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อ 22 ก.ค. ผลพบเชื้อ
สำหรับผลการตรวจหาเชื้อจากผู้สัมผัสกรณีทหารอียิปต์ที่จังหวัดระยอง ครบกำหนดกักตัว 14 วัน ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงสูง 12 คน ไม่พบเชื้อทั้งหมด ส่วนกลุ่มที่ความเสี่ยงน้อยกว่า 7,000 คนไม่พบเชื้อทั้งหมดเช่นกัน
ส่วนข้อเสนอให้นักเรียนกลับมาเรียนได้ตามปกติ หลังไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องแล้วนั้น ขณะนี้ยังมีโรงเรียนที่ยังคงสลับวันเรียนมี 4,532 แห่งทั่วประเทศ ที่ประชุม ศบค.มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข หาข้อมูลส่วนที่มีผลกระทบจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การปลอดเชื้อและมั่นใจว่าทั้งจังหวัดจะไม่มีกาติดเชื้อ เพื่อวางแนวทางจัดการ เพื่อเสนอที่ประชุมโดยด่วนเผื่อผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้นักเรียน และคุณครูได้กลับมาเปิดการเรียน การสอนเป็นปกติ
ส่วนการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มขึ้น ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาความเหมาะสม ซึ่งจะมีการทบทวนและอนุมัติเพื่อการปฎิบัติตาม ส่วนนี้ต้องมองให้รอบด้าน เพราะเกี่ยวข้องทั้งด้านความมั่นคง และสาธารณสุข
ข่าวเด่น