การตลาด
สกู๊ป ''แมคโดนัลด์'' วางกลยุทธ์ 4D บุกออนไลน์เปิดทางรอดสู้วิกฤตโควิด-19


ได้รับผลกระทบไปพอสมควรเหมือนกับหลายธุรกิจ สำหรับธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ด หลังเจอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของร้านแมคโดนัลยอดขายหน้าร้านหายไปประมาณ 50% แต่ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส หลังจากยอดขายหน้าร้านหายไป แมคโดนัลด์ ก็พลิกเกมรุกด้วยการหันมารุกขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

จากการปรับกลยุทธ์ทำการตลาดดังกล่าว ทำให้ แมคโดนัลด์ เริ่มมียอดขายที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์  เห็นได้จากยอดขายของแมคเดลิเวอรี ที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 100%  ขณะที่บริการในรูปแบบไดร์ฟ ทรู เองก็มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 40% ทำให้ แมคโดนัลด์ เริ่มมีพลังในการเดินหน้าต่อมากขึ้น 
 
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ แมคโดนัลด์ ก็เดินหน้าเปิดร้านหน้าขายสินค้าทันที คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 90% ของจำนวนสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 10% ที่ยังไม่เปิดให้บริการจะเป็นสาขาที่อยู่ตามจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ   
 
 
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์  กล่าวว่า จากวิกฤตโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น  ทำให้บริษัทต้องปรับตัวและดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ ด้วยการยึดหลัก “ตัวเบา-ตัวเร็ว” พร้อมแผนสำรอง 1-2-3  เพื่อให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงต้องมีการบริหารซัพพลายเชนให้คล่องตัว และทำการตลาดด้วยความเร็ว ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ เป็นตัวช่วย  พร้อมกับเน้นการบริหารจัดการสภาพคล่อง และบาลานซ์พอร์ตให้ดีที่สุด 
 
นอกจากนี้  ยังจะมีการวางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจ ด้วยการดึง “จุดแข็ง” ของแมคโดนัลด์มาสร้าง “จุดขาย” ตั้งแต่ เมนูใหม่ที่ให้ความคุ้มค่า (Menu&Value) เน้นสร้างความสัมพันธ์ของแบรนด์ต่อผู้บริโภค (Brand Relevancy)  สร้างความสะดวกสบาย (Convenience) ให้ลูกค้าผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญในการเจาะตรงเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ บริการจัดส่งอาหาร (Delivery) บริการไดร์ฟ ทรู (Drive Thru) และดิจิทัล (Digital) พร้อมใช้ความผูกพันที่มีต่อแบรนด์ระหว่างลูกค้าและแมคโดนัลด์ 35 ปี มาต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโต 
 
 
นายธันยเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าและความรวดเร็วในการดำเนิน  ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการนำมาช่วยพัฒนากลยุทธ์การทำตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจฟาสต์ฟู้ดที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และมีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  เพราะตอนนี้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดในรูปแบบเดลิเวอรีและไดร์ฟทรูกันมากขึ้น  
 
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ แมคโดนัลด์ ยังคงยึดมั่นในการทำธุรกิจ คือ การส่งมอบอาหารอร่อยมีคุณภาพ และสร้างความรู้สึก “คุ้มค่า” ให้กับลูกค้า  ด้วยการพัฒนาอาหารเมนูหลัก และสร้างสรรค์เมนูใหม่ที่คุ้มค่าคุ้มราคาเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้มีการปรับเมนู Signature Angus Beef Burger และ McSpicy Chicken Burger ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
พร้อมกันนี้  ยังจะใช้กลยุทธ์สร้างความผูกพันกับแบรนด์ผ่านการตกแต่งร้านด้วยดีไซน์ใหม่ ดึงดูงกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน สร้างความผูกพันกับกลุ่มลูกค้าครอบครัวผ่านกิจกรรมสำหรับเด็ก  และสร้างความสะดวกให้ลูกค้ายุคใหม่ผ่านบริการ Delivery, Drive-thru และ Digital ด้วยการพัฒนาช่องทางการให้บริการจัดส่งอาหารให้มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบัน แมคโดนัลด์ มีพันธมิตรในการจัดส่งอาหารแล้ว คือ  แกร็บฟู้ด ฟู้ดแพนด้า ไลน์แมน และซีค 
 
 
ล่าสุด แมคโดนัลด์ ได้มีการพัฒนา “แมคโดนัลด์ แอพพลิเคชั่น” มาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการทำตลาด  เพื่อต่อยอดและเชื่อมโยงกับลูกค้า โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งาน  “แมคโดนัลด์ แอพพลิเคชั่น” แล้วกว่า 1.2 ล้านคน เติบโต 30% 
 
นายธันยเชษฐ์  กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้มีการพัฒนาฟีเจอร์  “แมคโดนัลด์ แอพพลิเคชั่น” ใหม่ พบว่าสามารถเพิ่มความถี่ในการใช้บริการที่หน้าร้านและสร้าง Engagement กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี  ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโปรแกรมข้อเสนอพิเศษ “เฉพาะบุคคล” ผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI/Machine learning-based) เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยในปี 2564 คาดว่าจะมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่น “แมคโดนัลด์ แอพพลิเคชั่น”เพิ่มเป็น 4 ล้านคน 
 
และเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับผู้บริโภค ล่าสุด แมคโดนัลด์ ได้มีการใช้งบกว่า 30 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญฉลองธุรกิจครบ 35 ปี ผ่านแคมเปญ "สุขเต็มแมค" (Forever Joy) พร้อมกับจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายใต้ชื่อ “บิ๊กแคมเปญ” ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ผ่านบริการ “ไดร์ฟ ทรู” ของแมคโดนัลด์ที่มี 79 สาขา ทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ “นักเดินทาง” ที่สัญจรด้วยรถยนต์ อนาคตจะผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อเพิ่มพลังทางการตลาดจูงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น 
 
 
ปัจจุบัน แมคโดนัลด์มี 228 สาขา แมคสแน็ค (McSnack) 20 คีออส ไดร์ฟ ทรู 79 สาขา แมค ดีลิเวอรี 185 สาขา พนักงาน 7,000 คน ลูกค้าที่ใช้บริการ 8 ล้านคน ต่อเดือน ในปี 2563  ได้ปรับลดงบลงทุนลงจาก 250 ล้านบาท ใช้เพียง 180 ล้านบาท สำหรับการขยายสาขาใหม่ 4-5 สาขา และปรับปรุงสาขาเก่า 20 สาขา ภายใต้โกลบอลดีไซน์ "Alphabet" เรียบง่าย อบอุ่น แต่ทันสมัย สร้างบรรยากาศและสีสันในการดึงดูดลูกค้า ซึ่งหลังจากปรับปรุงสาขาเก่าภายใต้คอนเซ็ปต์ดังกล่าวไปจำนวน 14 สาขา พบว่ามียอดขายเพิ่ม  5-10% จากปัจจุบัน แมคโดนัลด์ มีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น นั่งทาน-ซื้อกลับบ้าน 60% ดีลิเวอรี่ 25% และไดรฟ์ทรู 15%
 
ส่วนแผนการขยายสาขาจะเริ่มขยายในต้นปี 2564 หลัก ๆ จะโฟกัสไปที่โมเดลไดรฟ์ทรู ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ตามด้วยร้านไซซ์เล็กในพื้นที่ที่ดีลิเวอรี่ยังเข้าไม่ถึง โดยจะเน้นเปิดนอกศูนย์การค้า เช่น ทำเลปั๊มน้ำมัน สแตนด์อะโลน และคอมมิวนิวตี้มอลล์ ในย่านที่มีทราฟฟิกสูงและหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น  ขณะเดียวกันก็จะทยอยปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรลง พร้อมลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อรองรับการจองเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ  เช่น  การจองห้องประชุม การจองห้องจัดวันเกิดแบบส่วนตัว และการสำรองที่นั่งเวิร์คช็อปสำหรับเด็ก เป็นต้น
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 29 ส.ค. 2563 เวลา : 11:15:25
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 11:33 am