การตลาด
สกู๊ป ''มูจิไทย'' เดินหน้าดั๊มพ์ราคาสินค้าสู้วิกฤต หวั่นซ้ำรอย ''มูจิอเมริกา'' ปิดกิจการ


ในยุคที่ทุกคนทั่วโลกต้องใช้ชีวิตแบบระแวดระวัง จะใช้อะไรก็ต้องคิด ทำให้หลายแบรนด์สินค้าที่ไม่คิดว่าจะมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยการลดราคาสินค้าก็เริ่มมีให้เห็น  ส่วนใครจะลดมากหรือลดน้อยก็คงต้องไปดูกันที่ยอดขายในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ใครได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มากหน่อย ก็อาจจะต้องออกมาทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้าเยอะหน่อย เพื่อเคลียร์สต๊อกสินค้าเก่าก่อนนำสินค้าใหม่เข้ามาขาย

เช่นเดียวกับแบรนด์สินค้า “มูจิ” (MUJI) ที่ล่าสุดออกมาประกาศลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็รอไว้ก่อน เพราะสถานการณ์ในประเทศไทยยังไม่มีความแน่นอน 
 
 
สำหรับสินค้าที่ “มูจิ” นำมาลดราคาตั้งแต่ช่วงดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวนกว่า 604 รายการ จะมีทั้งกลุ่มเสื้อผ้า และกลุ่มของเครื่องใช้ในบ้านคละกันไป  
 
นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเน้นไปที่การนำเสนอสินค้าคุณภาพดี มีประโยชน์ ในราคาที่สมเหตุสมผลให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย  เนื่องจากเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ  การทำให้ “มูจิ” เป็นแบรนด์สินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น
 
ด้วยเหตุนี้  จึงได้มีการปรับราคาสินค้าเกิดจากการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง การลดกระบวนการการผลิตที่ไม่จำเป็น แต่ยังคงเพิ่มประสิทธิผลในการผลิตที่ได้คุณภาพ หรือแม้แต่การบริหารจัดการกระบวนการกระจายสินค้า เพื่อให้มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนภาพรวมของสินค้าได้ดีที่สุด และนำประโยชน์จากกระบวนการดังกล่าวไปส่งต่อสู่ลูกค้า ซึ่งผู้บริโภคในประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากการเข้าถึงสินค้าคุณภาพมาตรฐานของ “มูจิ” ได้ในราคาที่จับต้องได้และสมเหตุสมผล
 
นายอกิฮิโร่ กล่าวต่อว่า  ในปี 2563 นี้  บริษัทได้มีการปรับราคาขายปลีกสินค้าสินค้าแบรนด์ “มูจิ”  ในประเทศไทยรวมกว่า 604 รายการ ในช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า จำนวน 127 รายการ และสินค้ากลุ่มของเครื่องใช้ในบ้านอีก 477 รายการ  ส่วนเดือน ก.ย. นี้  มีแผนจะปรับราคาสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ 55 รายการ  จากปี 2562 ได้มีการปรับราคาสินค้าไปแล้วประมาณ 119 รายการ
 
 
นอกจากจะให้ความสำคัญกับการลดราคาสินค้าแล้ว  การขยายสาขาใหม่ก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน  โดยเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา  “มูจิ”  ได้มีการเปิดสาขาน้องใหม่ สาขาลำดับที่ 20 ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก “มูจิ” สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ซึ่งถือว่าเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ CBD (Central Business District) ในจังหวัดนนทบุรีที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง กลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่ในทำเลนี้นับว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้หลายเส้นทาง มีการหมุนเวียนของจำนวนประชากรหนาแน่นที่อยู่ภายในชุมชน คอนโด บ้านจัดสรร มีทั้งโรงเรียนรวมทั้งใกล้มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
 
จากการออกมาทำการตลาดในรูปแบบดังกล่าว บริษัท มูจิ รีเทล(ประเทศไทย) จำกัด มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกระต้นยอดขายให้มีอัตราการเติบโตขึ้นได้เป็นที่น่าพอใจ หลังจากเมื่อช่วงปลายไตรมาสแรกต่อเนื่องไตรมาส 2 ต้องหยุดจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้านไปประมาณ 2 เดือน
 
 
สำหรับร้าน “มูจิ” ในประเทศไทยเริ่มทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ในรูปแบบของธุรกิจแฟรนไชส์ โดยสามารถขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในปี พ.ศ. 2556 ได้ก่อตั้ง บริษัท มูจิ รีเทล(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจให้ “มูจิ” ในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  โดยปัจจุบันธุรกิจของ “มูจิ” ในประเทศไทยมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งหมดประมาณ  20 สาขา  มีจำนวนสินค้าที่นำมาจำหน่ายมากกว่า 3,000 รายการ 
 
 
อย่างไรก็ดี  ในขณะที่สถานการณ์ของ “มูจิ” ประเทศไทย กำลังคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น  แต่สำหรับในอีกหลายประเทศยังคงน่าเป็นห่วง  โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดได้มีการปิดกิจการร้าน “มูจิ” ไปแล้วจำนวน 7 สาขา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  ตามนโยบายฟื้นฟูกิจการหมวด 11 (Chapter 11) ของกฎหมายล้มละลาย เนื่องจาก “มูจิ” ในสหรัฐอเมริกาได้มีการยื่นเอกสารขอล้มละลายหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนัก  แต่อย่างไรก็ดี  แม้ว่าจะปิดไป 7 สาขา  แต่ในสหรัฐอเมริกาก็ยังมีร้าน “มูจิ” อีก 12 สาขา ที่ยังเปิดบริการ
 
 
นายโอกาซากิ ซาโตชิ  ซีอีโอของมูจิ กล่าวว่า  บริษัทรับรู้ได้ถึงผลกระทบร้ายแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลต่อการค้าปลีกในห้าง  ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้บริษัทต้องปรับโฟกัสใหม่ โดยการมุ่งเน้นทำการตลาดในรูปแบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา และภูมิภาคอื่นๆ  ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว  ทำให้ต้องตัดสินใจปิด “ร้านค้าจำนวนหนึ่ง” แต่ถึงแม้บริษัทจะยื่นล้มละลายก็ไม่ได้หมายความว่า บริษัทจะเลิกกิจการ  เพราะที่ผ่านมาหลายบริษัทต่างเคยใช้กระบวนการล้มละลายเพื่อปลดหนี้สิน  เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปและทำกำไร  
 
เช่นเดียวกับ มูจิ อเมริกา ที่มั่นใจว่า การเข้าสู่กระบวนการล้มละลายจะทำให้ในอนาคตมีความแข็งแรง  มีการเติบโตในธุรกิจที่ดีขึ้น  เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของ “มูจิ” นับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าในตลาด  การจัดหาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า แผนการดำเนินงานดังกล่าวน่าจะทำให้ “มูจิ” ในสหรัฐอเมริกาสามารถพลิกฟื้นกลับมาเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ  เนื่องจากปัจจุบันคนอเมริกาให้ความสนใจซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมากกว่าการซื้อหน้าร้าน
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 ก.ย. 2563 เวลา : 11:38:00
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 3:08 pm