การตลาด
สกู๊ป ''ไทยเบฟ'' วางยุทธศาสตร์ ''PASSION 2025'' ย้ำผู้นำตลาดเครื่องดื่มภูมิภาคอาเซียน


สกู๊ปถือว่าผ่านพ้นไปเป็นที่น่าพอใจสำหรับ VISION 2020 ที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาประกาศยุทศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าระหว่างทางจะเจออุปสรรคค่อนข้างสาหัส  แต่ "ไทยเบฟ" ก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มของภูมิภาคอาเซียนได้สำเร็จ
 
สำหรับก้าวต่อไปอีก 5 ปีนั้น  ล่าสุด "ไทยเบฟ" ได้ออกมาประกาศยุทธศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรจาก  VISION 2020  ก้าวไปสู่ PASSION 2025 เพื่อรองรับกับโลกและความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ "ไทยเบฟ" ยอมรับว่ายังคงต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากยังมีปัจจัยลบรอบด้านทั้งภายในและภายนอก
 
 
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  วันนี้กลุ่มไทยเบฟพร้อมแล้วที่จะพาธุรกิจก้าวไปสู่ก้าวที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อต่อยอดความสำเร็จจาก Vision 2020 สู่ PASSION 2025  ที่เต็มไปด้วยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ซึ่งจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว  ทำให้บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน  เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคภายใต้ 3 แนวทางหลัก คือ BUILD สรรสร้าง ขีดความสามารถ STRENGTHEN เสริมแกร่งความเป็นหนึ่ง และ UNLOCK สุดพลังศักยภาพไทยเบฟ
 
โดยในส่วนของ  BUILD (สรรสร้างความสามารถ) คือ สรรสร้างความสามารถและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยต่อยอดจากพื้นฐานธุรกิจที่มีอยู่  ขณะที่ STRENGTHEN (เสริมแกร่งความเป็นหนึ่ง) คือ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก เพื่อรักษา และก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ส่วน UNLOCK (สุดพลังศักยภาพไทยเบฟ) คือ นำศักยภาพของไทยเบฟที่มีอยู่มาก่อให้เกิดพลังสูงสุด
 
 
นายฐาปน กล่าวต่อว่า  แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่มไทยเบฟ ร่วมกับคณะผู้บริหาร และเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อร่วมสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตไปด้วยกัน กับก้าวที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็น Stable and Sustainable ASEAN Leader ภายใต้ PASSION 2025  ซึ่งจะสะท้อนถึง ความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทุ่มเทของทุกคนในกลุ่มไทยเบฟ
 
สำหรับแผนกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจอาหารในปี 2564 “ไทยเบฟ” จะดำเนินธุรกิจภายใต้  5 กลยุทธ์หลัก ดังนี้  1.การขยายสาขาในรูปแบบต่าง ๆ ให้เหมาะกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป  2.กลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นการขยายช่องทางการให้บริการหลายรูปแบบ นอกเหนือจากรูปแบบของการนั่งทานที่ร้าน เช่น ช่องทางการจัดส่งถึงบ้าน (Home Delivery), Take home/Pick up, ไดร์ฟทรู และอื่น ๆ
 
3.การนำเอาดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อสามารถสร้างประสบการณ์ ความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้แบบ Personalization และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น  4.Heath & Well-being มุ่งเน้นพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่อง สุขภาพ-ความปลอดภัย  และ  5.การเสริมสร้างบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพด้านทักษะ ความชำนาญในการทำงาน เพื่อพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่มีความคล่องตัวสูง
ส่วนงบประมาณที่จะใช้ในปีงบประมาณ 2564 นั้น  “ไทยเบฟ” จะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าปีก่อนๆ  ที่จะใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากยังคงต้องระมัดระวังปัจจัยลบรอบด้านที่เกิดขึ้น  โดยในส่วนของงบที่จะนำมาใช้ลงทุนจะเน้นไปในกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพ และใช้เฉพาะที่จำเป็น  ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมาได้ใช้งบลงทุนไปแล้วประมาณ 3,500 ล้านบาท
 
อย่างไรก็ดี  แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้จะน่าเป็นห่วง  แต่ภาพรวมธุรกิจของ “ไทยเบฟ” ส่วนใหญ่ยังถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ดี  โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจสุรา  หากดูจากผลวิจัยการตลาดในรอบ12 เดือนย้อนหลัง แบรนด์แสงโสมสามารถเติบโตได้กว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  เช่นเดียวกับแบรนด์เบลนด์ 285 ซิกเนเจอร์  ที่เติบโตสูงถึง 37% และแบรนด์เมอริเดียน บรั่นดี  มีอัตราการเติบโตสูงถึง 50% และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 8% ซึ่งจากแนวโน้มที่ดี ทำให้ “ไทยเบฟ” มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุราแบรนด์น้องใหม่ภายใต้ชื่อ  Phraya Elements ซึ่งเป็นสุราระดับพรีเมียมเข้ามาทำตลาด  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสุรา  
ส่วนกลุ่มธุรกิจเบียร์  ก็มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน  โดยในส่วนของตลาดเบียร์ในต่างประเทศ “ไทยเบฟ” มีแผนที่จะนำเบียร์ช้าง มุ่งสู่การเป็นที่ 1 ของเบียร์สัญชาติไทยในระดับสากล ทั้งในด้านปริมาณการขายและในด้านผลิตภัณฑ์ที่จะต้องเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าในระดับสากล  ภายหลังได้รับการสนับสนุนจาก 2 แรงผลักดันสำคัญ คือ การขยายฐานลูกค้าทางภูมิศาสตร์ของเบียร์ช้าง และการสร้างคุณค่าของตราสินค้า โดยใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการทำตลาด
 
 
กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์  “ไทยเบฟ”  ยังคงเดินหน้าขยายตลาดภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยการโฟกัสที่ 3 ตลาดหลัก 3 ตลาดใหม่ และ 4 ตลาดการส่งออก โดยผลการดำเนินการ 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ถือว่าดี หลังจากที่ขาดทุนมาเมื่อ  2-3 ปีที่ผ่าน โดยในปี 2563 นี้  “ไทยเบฟ” ได้กลับมามีผลกำไรในการดำเนินธุรกิจ 
ปิดท้ายกันที่กลุ่มธุรกิจอาหาร “ไทยเบฟ” ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจ ปรับแผนกลยุทธ์ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากวิกฤติโรคโควิด-19 ด้วยการเร่งขยายช่องทางการขายแบบ Take away และ Delivery เนื่องจากทั้ง 2 ช่องทางได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา  
 
ขณะเดียวกัน  ก็จะรุกทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์  และรูปแบบบริการใหม่ๆ  เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  แผนการดำเนินงานดังกล่าวจะทำให้ “ไทยเบฟ” จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มต่อไปได้หรือไม่คงต้องดูผลงานในแต่ละปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 ซึ่งจะเป็นบทสรุปของยุทธศาสตร์นี้
 

LastUpdate 03/10/2563 18:29:01 โดย : Admin
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 7:16 am