แบงก์-นอนแบงก์
''กรุงไทย'' ลั่น 5 เสาหลักยุทธศาสตร์ เติบโตอย่างมีคุณภาพยั่งยืน ชูแพลตฟอร์มระบบเปิดธนาคาร ปชช.เข้าถึงธุรกรรมผ่านดิจิทัลง่ายสะดวก


“ผยง ศรีวณิช” เอ็มดี แบงก์กรุงไทย เผยยุทธศาสตร์ธนาคารปี 64 ผ่าน 5 เสาหลัก เน้นเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน พร้อมผลักดันประชาชนเข้าสู่บริการทางการเงินของโลกยุคใหม่ ผ่านแพลตฟอร์ตระบบเปิดของธนาคาร ระบุยังมีงบลงทุนด้านระบบไอทีอีก  6-7 พันล้านบาท ดึงเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ ลดการใช้เอกสาร กระบวนการสินเชื่อจะไม่ใช้กระดาษอีกต่อไป มองเศรษฐกิจปีหน้าเติบโต 3% และสินเชื่อโตในระดับเดียวกัน พร้อมคุม NPL ไม่ให้เกิน 5% เพื่อลดการกันสำรองหนี้ 


 

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ของธนาคารในการฝ่าวิกฤตในปี 2564 ว่า ธนาคารจะดำเนินการผ่าน 5 เสาหลัก ได้แก่ 1.ปีแห่งการเติบโตของธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ พร้อมกับดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในการประคับประคองลูกหนี้ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ 2.การสร้าง Business Model บนสปีดโบ๊ท และการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการเป็นการขาย 3.การนำระบบเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ เพื่อลดการใช้เอกสาร โดยต่อไปกระบวนการพิจารณาสินเชื่อจะไม่ใช้กระดาษโดยสิ้นเชิง 4.การยึดโยงการทำธุรกิจกับคู่ค้าในรูปแบบ X2G2X และ 5.การที่ธนาคารกรุงไทยจะอยู่เคียงข้างไทยสู่ความยั่งยืน โดยการปฎิรูปวัฒนธรรมองค์กรและยกระดับพนักงาน 

“แผนงานของธนาคารในปี 2564 จะเน้นการรักษาศักยภาพของการดำเนินธุรกิจธนาคารให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน ในภาวะที่ความไม่แน่นอนมีสูงรวมถึงความท้าทายของปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบการดำเนินธุรกิจของธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อพร้อมกับดูแลลูกค้าของธนาคารให้สามารถผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้”กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าว 
 

นายผยงกล่าวต่อไปว่า ปี 2564 ธนาคารกรุงไทยยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาบริการของธนาคารผ่านระบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์กับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งธนาคารยังคงยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ ในปี 2564 ธนาคารยังมีงบลงทุนด้านระบบไอที เหลืออีก 6-7 พันล้านบาท จากในปี 2563 ที่วางงบลงทุนด้านไอทีไว้ 1.4 หมื่นล้านบาท แต่ใช้ไปได้เพียง 7-8 พันล้านบาท 

“การนำระบบเทคโนโลยีไอทีเข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานภายในของธนาคาร จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการลดขั้นตอนการทำงานต่างๆ และทำให้กระบวนการทำงานภายในของธนาคารรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะสะท้อนไปที่การให้บริการกับลูกค้าที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้นและส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าในการใช้บริการของธนาคาร ทำให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารมีความยั่งยืน “นายผยงกล่าว 

นายผยงกล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญที่ธนาคารได้ร่วมทำกับภาครัฐกระทรวงการคลังในการขับเคลื่อนระบบเปิดของธนาคาร ตามแผนยุทธศาสตร์ในการสร้าง Thailand Open Digital Platform เพื่อทำให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการใช้บริการทางการเงินของธนาคารผ่านระบบดิจิทัลได้ง่ายและสะดวก โดยธนาคารได้พัฒนาแพลตฟอร์มระบบเปิดขึ้นมา ดั่งจะเห็นได้จาก แอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ที่ผ่านมาที่ได้รับความนิยมอย่างมากมีการใช้แอพพลิเคชั่นนี้อย่างแพร่หลาย ทั้งในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเยียวยา 5,000 บาท,โครงการไทยชนะ ชิม ช้อป ใช้,โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และช่วยผลักดันให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น 

สำหรับภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยในปีหน้า กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะมีอัตราการเติบโตได้ในระดับ 3% ซึ่งนับว่าเป็นทิศทางที่ดีจากปีนี้ที่หดตัวอย่างรุนแรง โดยปัจจัยที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตขึ้นในปีหน้า แรงผลักดันจะมาจากการลงทุนของภาครัฐ ที่จะทยอยออกมามากขึ้น รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยผลักดันในเรื่องการอุปโภคบริโภคภายในประเทศให้ฟื้นตัว นอกจากนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ ของภาครัฐจะมาเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญอีกตัวในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับขึ้นมาเป็นบวก และหากหลายๆประเทศคลายล็อกดาวน์มากขึ้นจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ภาคการส่งออกของไทยก็จะได้รับผลดี สามารถส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศได้มากขึ้นและสร้างเงินตราต่างประเทศกลับเข้ามาในประเทศช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง 
 

แต่สำหรับภาคการท่องเที่ยว ที่เดิมเคยเป็นภาคที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจมาโดยตลอด อาจจะต้องรอคอยไปอีกสักระยะหนึ่ง ประมาณไตรมาส 3 ปีหน้า ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะเริ่มกลับเข้ามา ซึ่งจากตัวเลขการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปี 2564 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย ราว 9.5 ล้านคน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) มองไว้ที่ 5.5 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวที่หายไป 1 ล้านคน จะกระทบ GDP (อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ) 0.5% 

นายผยงกล่าวถึงการเติบโตของสินเชื่อ น่าจะเติบโตได้ใกล้เคียงกับระดับ GDP ของประเทศ ที่ 3% โดยสิ่งสำคัญในปีหน้าที่ต้องพยายามดูแล คือ เรื่อง คุณภาพของสินเชื่อ ที่จะต้องช่วยประคองและดูแลลูกค้าให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยกัน และไม่เป็นหนี้ที่มีปัญหาตกชั้นไปเป็นหนี้ NPL  โดยธนาคารจะควบคุมระดับ NPL ให้อยู่ระดับไม่เกิน 5% ของพอร์ตสินเชื่อ เพื่อลดการกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญลงด้วย จากปัจจุบันกันสำรองหนี้สงสัยจะสูญอยู่ที่ระดับ 125-130% 

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารให้ความสำคัญกับการสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืน มากกว่าที่จะมุ่งหวังเรื่องการทำกำไรในระยะสั้น โดยเร่งการเติบโตของสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม นายผยงได้ฝากข้อคิดให้กับลูกค้าในการทำธุรกิจปัจจุบันท่ามกลางปัจจัยความเสี่ยงมากมาย ว่า ลูกค้าต้องปรับตัว หรือต้องถึงกับปฎิรูปตัวเองใหม่ จะทำธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เคยเป็นมา ไม่ได้แล้ว เพราะพฤติกรรมของลูกค้าและความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันแปรเปลี่ยนไป ฉะนั้นต้องตามให้ทันและปรับตัว โดยสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ การนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค 

LastUpdate 08/12/2563 14:09:10 โดย : Admin
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 9:59 am