การตลาด
สกู๊ป ''ไฮเปอร์มาร์เก็ต'' ฮึด ''สู้วิกฤต'' กำลังทรุด อัดโปรแรง กระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี


ถือเป็นช่วงที่มีการแข่งขันรุนแรงพอสมควร  สำหรับธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในระดับกลาง-ล่างค่อนข้างได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว  และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ค่อนข้างมาก  เพราะมีรายรับต่อครัวเรือนค่อนข้างน้อยขณะที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง  

ปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องหันมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มระดับกลาง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายค่อนข้างเยอะ และแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง  ดูได้จากโปรโมชั่นที่แต่ละห้างงัดออกมาใช้ไม่ว่าจะเป็นการลดราคา แลกซื้อสินค้า หรือแถมสินค้า  เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกันทุกสัปดาห์  ยิ่งช่วงใกล้ปีใหม่แบบนี้ยิ่งอัดโปรโมชั่นแรง
 
 
นางวรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า  ตามปกติช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่จะมีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก แต่สำหรับปีนี้ถือว่าไม่คึกคักเท่าที่ควร  เพราะสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เลยทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีนี้แตกต่างไปจากปีที่ผ่านๆ มา 
 
จากผลสำรวจของ นีลเส็น  ประเทศไทย  เกี่ยวกับผู้บริโภคในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ พบว่า ผู้บริโภคเกือบ 60% ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนผู้บริโภคที่ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ก็มีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป  คือมีการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น  ซื้อสินค้าที่มีการทำโปรโมชั่น และตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น 
 
นอกจากนี้  นีลเส็น  ประเทศไทย ยังระบุอีกว่า ผลจากการสำรวจมีการแบ่งผู้บริโภคออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม Constrained Consumers หรือผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นตกงาน ถูกลดเงินเดือน หรือรายได้ส่วนอื่นหายไป ที่มีสูงถึง 58% ของประชากรที่สำรวจ และที่เหลือ 42% คือ กลุ่ม Insulated Consumers หรือผู้บริโภคที่มีเกราะกำบังค่อนข้างดี ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์และยังมีรายได้เข้ามาเหมือนเดิม
 
สำหรับกลุ่ม Constrained Consumers ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ มีการเปลี่ยนมาซื้อสินค้าที่ “จำเป็นต้องใช้” และ “ซื้อในปริมาณมาก แต่ความถี่ในการซื้อลดลง” ให้ความสำคัญกับราคาและความคุ้มค่ามากกว่าเดิม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ เทสโก้ โลตัส จึงได้เพิ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นสินค้า “จำเป็นต้องใช้” รวมกว่า 1,000 รายการ ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า เช่น  สินค้าอุปโภคบริโภค นมผง ผ้าอ้อมเด็ก อาหารสด อาหารพร้อมทาน และ เมนูศูนย์อาหาร 25 บาท โดยยืดระยะเวลาของแคมเปญไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค. 2564 เพื่อช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย  ซึ่งในส่วนของแคมเปญดังกล่าวถือเป็นการช่วยตัดและตรึงราคาสินค้าได้สูงสุด 50%
 
 
ขณะที่กลุ่ม Insulated Consumers ถึงแม้จะไม่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก็มีไลฟ์สไตล์การซื้อสินค้าและบริการที่เปลี่ยนไป  เพราะจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในช่วงที่ผ่านมา  ผู้บริโภคมีการใช้เวลาอยู่บ้านและทำกิจกรรมที่บ้านมากขึ้น  จึงทำให้สินค้าและบริการบางประเภทขยายตัวเท่านั้น เช่น การซื้อสินค้าออนไลน์ และบริการเดลิเวอรี่
 
จากเหตุปัจจัยดังกล่าว ทำให้ห้างเทสโก้ โลตัส ต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาดในช่วงปลายปีนี้  เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ด้วยการส่ง 2 แคมเปญใหญ่ออกมาทำการตลาดพร้อมกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า  ได้แก่  แคมเปญราคามหาชน ที่เริ่มเปิดตัวตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะขยายเวลาการทำแคมเปญไปจนถึงหลังปีใหม่ และแคมเปญเทศกาลยกสุขเข้าบ้าน สำหรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
 
นางวรวรรณ  กล่าวอีกว่า  จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับการซื้อสินค้าและใช้ชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ของบริษัทพบว่า  ลูกค้าและประชาชน 30% วางแผนที่จะอยู่บ้าน และ 28% จะจัดงานปีใหม่ที่บ้าน  ดังนั้น บริษัท จึงจะโฟกัสการทำตลาดไปที่กลุ่มสินค้าที่จะช่วยตอบโจทย์การเลี้ยงฉลองที่บ้าน ทั้งด้านการประกอบอาหารรับประทาน และของขวัญปีใหม่ ภายใต้แคมเปญเทศกาลยกสุขเข้าบ้าน ด้วยการรวบรวมสินค้ากว่า 2,000 รายการ มาจำหน่ายในราคาพิเศษทุกสัปดาห์ ลดสูงสุด 60% ควบคู่ไปกับการนำสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่มีจำหน่ายที่ห้างเทสโก้ โลตัส มาจำหน่าย
 
ด้าน ห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ ก็มีการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการทำโปรโมชั่นรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน  เพื่อกระตุ้นยอดขายปลายปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
 
 
นายปฐพงศ์ เอี่ยมสุโร ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี   กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 นี้  บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่มียอดขายค่อนข้างสูง  โดยล่าสุดได้มีการจัดมหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า “Big C Power Sale 2020” ผนึกกำลังกับพันธมิตรเครื่องใช้ไฟฟ้ายกทัพสินค้ากว่า 20 แบรนด์ชั้นนำ เช่น  LG, Samsung, Sharp, Mitsubishi, Toshiba, Hisense, OPPO, VIVO, ACER, Lenovo  และ HP เป็นต้น มาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษ  ด้วยการลดราคาสินค้าสูงสุดกว่า 50%  ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. – 13 ธ.ค. 2563 ที่โซนเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือและไอที ที่ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ทั้ง 151 สาขาทั่วประเทศ และบิ๊กซี ช้อปปิ้งออนไลน์  
 
สำหรับโปรโมชั่นไฮไลท์ที่ ห้างบิ๊กซีฯ นำมาลดราคาสินค้าถูกจริงทุกวันนั้น   ประกอบด้วย  เครื่องปรับอากาศ ทีวี ซื้อ 1 แถม 1  แลก (ซื้อครบ แลกซื้อ) ซื้อสินค้าทุกแผนกครบ 299 บาท รับสิทธิ์แลกซื้อสินค้าตู้เย็น ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ไมโครเวฟ และเครื่องดูดฝุ่น ในราคาพิเศษ  พร้อมแจกสินค้าของแถมฟรี 3 ต่อ เช่น เครื่องซักผ้า, ทีวี, ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ  เป็นต้น
 
จากการจัดแคมเปญดังกล่าวห้างบิ๊กซีฯ มั่นใจว่าจะมียอดขายสะพัดภายในงานไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท  เพราะนอกจากจะมีสินค้าลดราคาแล้ว  ยังมีโปรโมชั่นบัตรเครดิต ผ่อน 0% ทุกชิ้น กับบัตรที่ร่วมรายการ และอื่นๆ อีกมากมาย  

LastUpdate 12/12/2563 11:07:00 โดย : Admin
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 9:51 pm