กรอบทองคำเดือนนี้ 1,820-1,950 ดอลล์
ขาดปัจจัยใหม่ๆหนุนดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน
ราคาทองคำโลกในเดือนพฤษภาคมปรับตัวขึ้น 137 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ 1,905 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยทองคำได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลงในเดือน พฤษภาคม จาก 1.63% สู่ 1.58% โดยการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ขณะเดียวกันการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีราคาถูกลง และมีความน่าดึงดูดมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ
นอกจากนี้สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน สมาคมการธนาคารของจีน และสมาคมการชำระหนี้ของจีนได้แถลงคำสั่งร่วมกันเมื่อวานนี้ว่า สถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารและช่องทางต่างๆที่รับชำระเงินทางออนไลน์ จะไม่สามารถให้บริการใดๆ เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตแก่ลูกค้าได้ เช่น การจดทะเบียน, การซื้อขาย, การชำระบัญชี และการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต เนื่องจากรัฐบาลจีนกังวลว่า ราคาสกุลเงินคริปโตที่มีความผันผวนอย่างรุนแรงนั้น
จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของประชาชน และจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของจีน ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ที่ทรุดตัวลงเกือบ 34% ในเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประมาณกรอบทองคำในเดือนนี้ที่ 1,820-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากว่า 7.6% ในเดือนที่ผ่านมาทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราคาดว่าทองคำจะกลับมา outperform สินทรัพย์อื่นๆ อีกครั้ง
ส่วนบรรยากาศตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบ +/- ประมาณ 5 จุด โดยนักลงทุนจับตาการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะรายงานในคืนวันศุกร์ ซึ่งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะส่งผลต่อทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ย และปริมาณเงิน QE ของสหรัฐ และในช่วงท้ายตลาด MSCI นำหุ้น KBANK ออกจากการคำนวณดัชนี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,611.53 จุด -6.02 จุด -0.37% มูลค่าการซื้อขาย 106,351 ล้านบาท
ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ประกอบกับติดตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนของรัฐบาล คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,650 จุด
ส่วนหุ้น 2 หลักทรัพย์ที่น่าสนใจ ได้แก่ AU ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 11.00 บาท กลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับ พร้อมปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ Slow Sto ส่งสัญญาณซื้อหนุน คาดราคามีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 11.20-12.10 บาท โดยมีแนวรับอยู่ที่ 10.60 บาท และจุด cut loss อยู่ที่ 10.40 บาท
และหุ่น CWT ปิดล่าสุดที่ 4.14 บาท ราคาอยู่ในทิศทางกรอบขาขึ้น พร้อม Volume สะสม และ Slow Sto.+MACD มีค่าสัญญาณซื้อ หากผ่านต้านแรกที่ 4.30 บาท ลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 4.54 บาท โดยมีแนวรับที่ 4.04 บาท และมีจุด cut loss ที่ 4.00 บาท
ข่าวเด่น