แบงก์-นอนแบงก์
เคทีซีครึ่งปีหลังลุยต่อสวนกระแสโควิด มุ่งขยายธุรกิจสินเชื่อ-รักษาฐานลูกค้า


“เคทีซี” ประกาศครึ่งปีหลังลุยต่อเดินหน้าขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันให้ครบวงจร รักษาฐานสมาชิกและบริหารคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ และช่วยเหลือลูกค้าผู้เดือดร้อน ขณที่ครึ่งปีแรกเขย่าแผนธุรกิจสู้โควิด-19 ดันกำไรครึ่งปีแรกโตต่อ 20.1% แตะระดับ 3,352 ล้านบาท ส่วนไตรมาสสอง กำไร 1,703 ล้านบาท ย้ำการดำเนินงานโดยรวมยังผ่านไปได้ดี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเพิ่มขึ้น ในขณะที่ NPL อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม


นายระเฑียร  ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ยังคงเติบโต ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สำหรับภาพรวมการดำเนินงานธุรกิจของเคทีซียังผ่านไปได้ดี โดยเรียนรู้จากประสบการณ์มาเป็นเข็มทิศในการปรับแผนกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 เคทีซี มีการขยายตัวของลูกหนี้บัตรเครดิตเท่ากับ 10.4% (อุตสาหกรรมโต 8.6%) ทำให้มีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 13.7% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีสัดส่วน 13.5% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 5.4% (อุตสาหกรรมโต 2.2%) และสัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 4.7%

“สถานการณ์แพร่รระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องถึงระลอก 3 ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการจัดหาสมาชิกใหม่ทำได้ยากขึ้น รวมถึงการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้รวมและปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวได้ไม่มาก ดังนั้น เคทีซี จึงมีแผนสร้างโมเดลธุรกิจขยายตัวไปยังสินเชื่อมีหลักประกันมากขึ้น โดยได้เข้าซื้อหุ้น 75.05% ของบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2564 และภายหลังการตรวจสอบตามเงื่อนไขเสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน 2564 KTBL จะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของเคทีซี” นายระเฑียร กล่าว
 

สำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เคทีซีมีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 3,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% และมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 เท่ากับ 1,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.2%

นายระเฑียร กล่าวอีกว่า แม้ เคทีซี จะมีรายได้รวมลดลง แต่ยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายรวมให้ต่ำลง จากการลดค่าใช้จ่ายทางการเงินและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงไปได้ อีกทั้งมีรายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในระดับที่ดีขึ้น และรักษาอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีหลายปัจจัยผันแปร จึงเป็นผลให้ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เคทีซีมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมต่อรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย มีกำไรก่อนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงที่ -5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการมีพอร์ตลูกหนี้คุณภาพดี ทำให้ความจำเป็นในการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัท เติบโตตามสัดส่วนข้างต้น

ทั้งนี้โดยที่เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 89,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ฐานสมาชิกรวม 3.3 ล้านบัญชี  แบ่งเป็นพอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,544,573 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 55,708 ล้านบาท ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรครึ่งปีแรกเท่ากับ 94,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% (ไตรมาส 2 มูลค่า 45,739 ล้านบาท ขยายตัว 13.1%)

ส่วน NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้รวมอยู่ที่ 4.4% เพิ่มขึ้นจาก 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 จากสาเหตุหลักของการนับรวมพอร์ตลูกหนี้สัญญาเช่าซื้อจาก KTBL ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความสามารถในการชำระของลูกหนี้ลดลง และ NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้บัตรเครดิตเท่ากับ 1.5% พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 802,971 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 29,480 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้บุคคลอยู่ที่ 3.0% พอร์ตลูกหนี้ตามสัญญาเช่า 4,255 ล้านบาท NPL ต่อเงินให้สินเชื่อลูกหนี้ตามสัญญาเช่าเท่ากับ 51.7%

นอกจากนี้ เคทีซียังสามารถทำรายได้รวมในไตรมาส 2/2564 ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 5,406 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ดอกเบี้ยรวม (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) 3,430 ล้านบาท (ธุรกิจบัตรเครดิต 1,639 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 1,766 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ยจากลูกหนี้ตามสัญญาเช่าของ KTBL 25 ล้านบาท) ลดลง -5.6% จากการปรับลดเพดานดอกเบี้ยในธุรกิจบัตรเครดิตเป็น 16% รายได้ค่าธรรมเนียม (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จากรายได้ค่าธรรรมเนียม Interchange และรายได้ค่าธรรมเนียมส่วนลดจากร้านค้าผู้รับชำระบัตรที่เป็นสมาชิกของเคทีซีเพิ่มขึ้นเป็น 42,625 ร้านค้า และรายได้ค่าธรรมเนียมในการเบิกเงินสดล่วงหน้าเพิ่มขึ้น แต่ค่าธรรมเนียมในการติดตามหนี้ลดลง

รายได้หนี้สูญได้รับคืน 833 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 19.3%) และรายได้อื่นๆ 100 ล้านบาท ในขณะที่รายได้รวมครึ่งแรกของปี 2564 อยู่ที่ 10,798 ล้านบาท ลดลง -2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 3,278 ล้านบาท ลดลง -17.3% แบ่งเป็นผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 1,144 ล้านบาท (ลดลง -45.1%) ต้นทุนทางการเงิน 359 ล้านบาท (ลดลง -5.3%) และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม 1,775 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 18.3%) โดยมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 22,330 ล้านบาท ต้นทุนการเงิน 2.62% และอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.45 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
 

นายระเฑียร กล่าวต่อว่า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอน และเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ กระจายไปในวงกว้าง เพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้ขยายเวลาให้ลูกหนี้สมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สมัครรับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เพื่อสนับสนุนมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือรวม 21,564 บัญชี ด้วยยอดหนี้คงเหลือที่ 1,545 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับองค์กรการกุศลดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อน เช่น ร่วมกับสมาชิกบัตรเครดิตบริจาคคะแนนสะสม KTC FOREVER เปลี่ยนเป็นเงินสมทบทุนชุดธารน้ำใจส่งต่อให้ผู้ที่ต้องกักตน 14 วัน ผ่านสภากาชาดไทย และสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และรักษาผู้ป่วยผ่านมูลนิธิรามาธิบดี ศิริราชมูลนิธิ โรงพยาบาลราชวิถี และกิจกรรมเปลี่ยนใจเป็นบุญ ชวนแฟนเพจ KTC Journey (เคทีซี เจอนี่) ส่งสติ๊กเกอร์เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตลอดจนดูแลสุขภาวะอนามัยของพนักงานเพื่อป้องการการแพร่ระบาด

นายระเฑียร บอกด้วยว่า สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เคทีซี จะขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อให้หลากหลายและครอบคลุมทั้งเคทีซี และธุรกิจลีสซิ่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อเบ็ดเสร็จครบวงจร ที่เน้นความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับสมาชิก และจะดูแลรักษาฐานสมาชิกที่มีอยู่เดิมให้ได้รับความพึงพอใจ

“โดยมีเป้าหมายหลักในการทำธุรกิจได้แก่ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปี 2564 จะมีมูลค่า 200,000 ล้านบาท หรือขยายตัวที่ 5% ปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่าขยายตัว 8% บริหารมูลค่ายอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลให้ใกล้เคียงกับปี 2563 ส่วนสินเชื่อมีหลักประกัน “เคทีซี พี่เบิ้ม” รวมสินเชื่อจากบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด ตั้งเป้าหมายสินเชื่อที่ 1,000 ล้านบาท ด้านร้านค้ารับบัตรจะเน้นช่องทางออนไลน์ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร”นายระเฑียร กล่าว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ก.ค. 2564 เวลา : 21:44:26
30-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 30, 2024, 1:38 pm