แบงก์-นอนแบงก์
CIMB Thai ประกาศกำไรสุทธิงวด 6 เดือน 2564 จำนวน 954.8 ล้านบาท


* กำไรสุทธิ 954.8 ล้านบาท ( -31.1% YoY หรือ 431.1 ล้านบาท) 

* รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 61.6 ล้านบาท (+8.9%YoY) เพิ่มขึ้นจากการเป็นนายหน้าขายประกันและจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้ 
 
* รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 672.5 ล้านบาท (-11.7% YoY) ลดลงจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้ออันเนื่องมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อลดลง  
 
* ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 579.9 ล้านบาท (-12.3% YoY) จากการบริหารจัดการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
  
* อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงาน ปรับตัวดีขึ้นเป็น 56.7% จาก 59.5% YoY   
 
 
นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 7,284.1 ล้านบาทลดลง 644.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.1 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2563 สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 11.7 และรายได้อื่นร้อยละ 2.3 สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิร้อยละ 8.9  กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 3,150.8 ล้านบาท ลดลงจำนวน  64.3 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.0 เนื่องจากการลดลงของรายได้จากการดำเนินงาน สุทธิกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 12.3   กำไรสุทธิจำนวน 954.8 ล้านบาท ลดลงจำนวน 431.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.1 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันสาเหตุหลักเกิดจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 เป็นผลจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและโอกาสที่คุณภาพสินเชื่อของลูกค้าที่จะแย่ลงจากผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโควิด19 

เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2564 และ 2563 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 61.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.9 ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเป็นนายหน้าขายประกันและค่าธรรมเนียมจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้  ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 672.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.7 เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้ออันเนื่องมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อลดลงและรายได้อื่นลดลง 33.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.3 ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน 

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนปี 2564 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2563 ลดลงจำนวน 579.9 ล้านบาทหรือร้อยละ 12.3 สาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นและการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน    อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 56.7 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 59.5   

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดหกเดือนปี 2564     อยู่ที่ร้อยละ 3.2 ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้อ 

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 217.8 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563   กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 242.9 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.4 จากสิ้นปี 2563 ซึ่งมีจำนวน 251.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็นร้อยละ 89.6 จากร้อยละ 90.3  ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 10.6 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ร้อยละ 4.8 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ร้อยละ 4.6  สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของยอดสินเชื่อโดยรวมในขณะที่ยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลลูกหนี้และการติดตามหนี้ 

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 101.4  เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 93.3  ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563   ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.8 พันล้านบาท 

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีจำนวน 53.4 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 20.6 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 15.0 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ก.ค. 2564 เวลา : 09:49:20
30-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 30, 2024, 8:47 am