หุ้นทอง
ค้นหาหุ้นในข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว


ค้นหาหุ้นในข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว


อาหารตามสั่งยอดฮิตของคนไทย เชื่อว่าเมนูจานโปรดที่ต้องสั่งของหลายคน คงหนีไม่พ้น "ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว" แต่ทุกคนเคยสังเกตไหมว่า กว่าจะเป็นเมนูกลิ่นหอมรสชาติเผ็ดร้อน มีอะไรซ่อนอยู่ในอาหารตามสั่งเมนูนี้บ้าง วันนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพาไปสำรวจหุ้นในข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว ด้วยการแกะสูตรแยกส่วนประกอบออกมาให้เห็นชัดๆ
 

เริ่มกันที่วัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ นั่นคืออาหารสดอย่าง เนื้อไก่และไข่ไก่ รวมถึงผักสด ใบกะเพรา พริก กระเทียม ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ประกอบธุรกิจแปรรูปสินค้าทางการเกษตรเนื้อสัตว์ ประกอบด้วยหุ้น CPF, GFPT, TFG และผู้ประกอบธุรกิจแปรรูปผักสดอย่างหุ้น RBF

ส่วนถัดมาเป็น น้ำตาลและซอสปรุงรสในการประกอบอาหารเพื่อรสชาติที่อร่อยถูกปากยิ่งขึ้น โดยในตลาดหุ้นไทยมีผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายอยู่หลายราย เช่น BRR น้ำตาลบุรีรัมย์, KBS น้ำตาลครบุรี, KSL น้ำตาลขอนแก่น และ KTIS เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์

ส่วนกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่าย ซอสปรุงรสที่คุณรู้จักกันดีก็มีทั้งหุ้น SAUCE เจ้าของเครื่องปรุงแบรนด์ภูเขาทอง, หุ้น NRF ที่มีแบรนด์ซอสปรุงรสในเครืออย่าง พ่อขวัญ, Lee Brand และ SABZU รวมทั้งหุ้น XO ซึ่งมี Excotic Food เป็นแบรนด์หลัก

เมื่อได้เมนูผัดกะเพราจานโปรดแล้ว จะให้ครบองค์ประกอบก็ต้องมีข้าวสวยร้อน ๆ สำหรับบริษัทที่ผลิตและจำหน่าย ข้าวสารบรรจุถุง เช่น ข้าวตราเกษตรของหุ้น KASET อีกทั้งยังมีหุ้น PRG ที่เป็นเจ้าของข้าวมาบุญครอง

มาถึงหุ้นกลุ่มสุดท้ายนั่นคือกลุ่มผู้ผลิต น้ำมันพืช สำหรับประกอบอาหาร ซึ่งมีอยู่หลายตัวด้วยกัน อาทิ หุ้น CPI น้ำมันพืชตราลีลา, หุ้น TVO น้ำมันพืชตราองุ่น, หุ้น AIE น้ำมันพืชพาโมลา, หุ้น UVAN ของกลุ่มยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม และหุ้น LST ของน้ำมันพืชตราหยก
 
 
เรื่องน่ารู้ก่อนลงทุนหุ้นเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร จะเห็นแล้วว่าในข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวมีหุ้นอะไรอยู่บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) ดังนั้นมาลองเข้าใจธรรมชาติหุ้นกลุ่มนี้กันก่อน

1.ราคาผลผลิตผันผวนตามตลาดโลก
 
หุ้นกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็น Soft Commodity คือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มาจากผลผลิตทางการเกษตร เช่น เนื้อสัตว์ ข้าว ปาล์ม น้ำตาล และพืชผักสด ทำให้ราคาผลผลิตแปรผันตามราคาตลาดโลก ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อราคามักจะมาจากฝั่ง Supply มากกว่า Demand เพราะเมื่อสินค้าไหนราคาดี ก็จะมีคู่แข่งเข้ามาขายสู้

2.แข่งขันด้วยราคาเป็นหลัก
 
เนื่องจากอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ทั้งพืชและสัตว์ ค่อนข้างเข้ามาแข่งขันได้ง่าย มีให้เลือกหลากหลาย ราคาสินค้าจึงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และแบรนด์เป็นเรื่องรองลงมา

ดังนั้นการควบคุมต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถใช้ SETSMART เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการบริหารต้นทุนย้อนหลังของแต่ละบริษัท โดยใช้เครื่องมือ Financial Statement ซึ่งเราสามารถ filter เฉพาะตัวเลขที่สนใจมาเปรียบเทียบแบบง่ายๆ

3.ความสามารถทำกำไร คือ หัวใจสำคัญ ซึ่งหลักสำคัญที่ใช้วิเคราะห์หุ้นเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร คือ ความสามารถในการทำกำไร เพราะเป็นธุรกิจที่มีความเป็นโภคภัณฑ์สูง อาหาร หรือวัตถุดิบแต่ละประเภท ก็ตั้งราคาขายไม่เหมือนกัน รายได้จึงไม่เท่ากันด้วย
 

คุณจึงควรใช้อัตราส่วนทางการเงินที่เป็น Profitability Ratio มาวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร ซึ่งประกอบด้วย Gross Profit Margin, EBIT Margin, Net Profit Margin, Return on Equity (ROE) และ Return on Asset (ROA) โดยสามารถใช้ SETSMART คัดกรองหุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นด้วยเครื่องมือ Stock Screening

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 21 ส.ค. 2564 เวลา : 09:27:24
28-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 28, 2024, 12:11 am