หุ้นทอง
ส่องหุ้นมองทอง : ราคาทองแกว่งตัวในกรอบ 1,900 - 2,000 ดอลล์ ดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่ง Sideway ออกข้าง


สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำแกว่งตัวออกข้าง เนื่องจากช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำย่อตัวทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สาเหตุมาจากมุมมองของพาวเวลที่ได้แถลงว่าเฟดไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องของเงินเฟ้อที่ร้อนแรง โดยมีแนวโน้มใช้ยาแรงสกัดเงินเฟ้อมากขึ้น กล่าวคือ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5%


คำแถลงดังกล่าวส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐเร่งตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 22 เดือนที่ 2.40% และส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่า จึงกดดันราคาทองคำให้ย่อตัวลง ต่อมาในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำรีบาวด์กลับขึ้นมาบริเวณ 1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สาเหตุมาจากบริษัทแคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียมของคาซัคสถาน ระงับการส่งออกน้ำมันเนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่า 5.2% ที่ระดับ 114.93 เหรียญต่อบาร์เรล อีกทั้งรัสเซียแก้เผ็ดยุโรปอ้าง หากจะติดต่อซื้อน้ำมันดิบกลับรัสเซียจะต้องใช้เงินรูเบิลในการซื้อขายน้ำมัน ทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้นอาจหนุนให้แนวโน้มการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบมีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวเร่งของเงินเฟ้อ ทองคำเองในฐานะใช้ป้องกันเงินเฟ้อได้จึงมีแรงซื้อกลับทองคำจึงรีบาวด์

อีกทั้งยังมีการประชุมสุดยอดผู้นำถึง 3 กลุ่ม NATO ,G7 และ EU มองว่าการประชุมดังกล่าวจะสร้างแรงกดดันกับรัสเซียเพิ่มมากขึ้น และรัสเซียอาจตอบโต้ผ่านราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนมากขึ้น ในขณะที่ SPDR เดือนมีนาคมเข้าซื้อไปแล้วกว่า 60.67 ตัน

ขณะที่สัปดาห์นี้ยังต้องจับตาดัชนีเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE  คาดการณ์ว่ายังเร่งตัวต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ ยังอยู่ที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่สงครามรัสเซียและยูเครนยังดำเนินต่อ ซึ่งยังมีแนวโน้มว่าราคายังคงทรงตัวระดับสูงต่อไป แต่ประเด็นสำคัญต้องกลับมาจับตามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ

เนื่องจากมีแนวโน้มมากขึ้นว่าการประชุม FOMC ครั้งหน้าในเดือนพฤษภาคม เป็นไปได้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5% และเริ่มการทำ QT ลดงบดุลเป็นปัจจักดดันต่อราคาทองคำ

ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าในสัปดาห์นี้มี 2 ปัจจัยที่ต้องจับตาคือ สงครามรัสเซียและยูเครน และเงินเฟ้อส่วนบุคคลของสหรัฐ มุมมองราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบ 1,900-2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากย่อตัวแล้วไม่หลุดแนวรับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทยอยเข้าซื้อสะสม
 

 
 
 
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (25 มี.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวแดนบวกในภาคเช้า แต่ภาคบ่ายมีแรงขายออกมา ทำให้ดัชนีติดลบ 3-4 จุด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ในการขับเคลื่อนดัชนี มูลค่าการซื้อขายลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนีขึ้นทดสอบบริเวณ 1,680 หลายครั้ง แต่ยังไม่ผ่าน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,676.80 จุด -4.09 จุด -0.24% มูลค่าการซื้อขาย 61,918 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัยคาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่ง Sideway ออกข้าง หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ จากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อยังกดดันตลาด ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,700 จุด

ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้น KSL ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 3.86 บาท ราคาอยู่มนทิศทางขาขึ้น พร้อม Volume เข้าวันแรก และ MACD  ส่งสัญญาณ Bullish หากผ่านต้านแรกที่ 4.10 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 4.40 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 3.80 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 3.76 บาท

และหุ้น AS ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 23.50 บาท กลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับ โดยมี Volume เริ่มกระตุก  และ Slow Sto. มีค่าสัญญาณซื้อ หากผ่านต้าน 23.90 บาท ลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 25.75 บาท มีจุดแนวรับอยู่ที่ 23.00 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 22.70 บาท
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 มี.ค. 2565 เวลา : 09:37:13
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 3:35 am