สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,900-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ปัจจัยกดดันรออยู่ข้างหน้าคือ ทองคำยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ อีกทั้งถูกดันจากรายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด โดยเฟดเตรียมใช้ยาแรงสกัดเงินเฟ้อเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ปัจจัยสำคัญคือ การลดขนาดงบดุล หรือ การทำ QT ซึ่งจะปรับลดขนาดงบกว่า 95,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ตลาดเริ่มกลับมากังวลการใช้นโยบายการเงินแบบหดตัวมากขึ้น สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.60% ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์เร่งตัวขึ้นใกล้ระดับ 100 ดอลลาร์ กดดันให้ทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ อีกปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตา คือ ภาวะ Inverted yield curve ซึ่งนักลงทุนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐที่เผชิญกับเงินเฟ้อต่อเนื่อง จึงเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว และเทขายพันธบัตรระยะสั้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว ขณะที่ SPDR เทขายกว่า 4.43 ตัน
ส่วนสัปดาห์นี้จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาภาวะสงครามหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นมากกว่าครั้งก่อนสะท้อนผ่านตัวเลข PMI เดือนมีนาคมที่ราคาพุ่งขึ้น แต่เมื่อเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยและทำ QT ไปแล้วอาจทำให้ตลาดไม่อ่อนตัวมากนัก
อีกทั้งล่าสุดสหรัฐได้ปล่อยน้ำมันสำรองออกมาขายให้กับชาติพันธมิตรซึ่งจะเป็นตัวกดดันราคาน้ำมันให้ปรับตัวหลุด 100 ดอลลาร์บาร์เรล เมื่อราคาน้ำมันเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ทองคำจะแกว่งตัวอาจแกว่งตัวออกข้าง
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบอาจทรงตัวใกล้ 100 ดอลาร์ต่อบาร์เรล อีกทั้งตลาดรับข่าว QT ไปบ้างแล้ว ทำให้ทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,900-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ซื้อขายตามกรอบที่ประเมินไว้
ส่วนบรรยากาศตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (8 เม.ย.) ดัชนีทยอยฟื้นตัวในภาคบ่าย เป็นการรีบาวด์จากที่ดัชนีร่วงแรงในวันก่อนหน้า จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มค้าปลีก และโรงพยาบาล ซึ่งได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ที่เห็นตัวเลขฟื้นตัวดี ส่วนกลุ่มพลังงานมีแรงขาย ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,686.00 จุด +3.59 จุด +0.21% มูลค่าการซื้อขาย 70,744 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยคาดดัชนีสัปดาห์นี้ยังแกว่งผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ประกอบกับติดช่วงหยุดยาวสงกรานต์ นักลงทุนยังกังวลการปรับลดขนาดงบดุลของเฟด จะส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,670-1,700 จุด
ส่วนสัปดาห์นี้หุ้นที่น่าจับตามองได้แก่ HMPRO ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 16.40 บาท ทยอยไต่ระดับขึ้น โดยมี Volume สะสมต่อเนื่อง และ MACD เพิ่งพลิกตัวส่งสัญญาณบวก หากผ่าน คาดราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบต้านที่ 17.00-17.50 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 16.00 บาท และมีจุด cut loss 15.80 บาท
และหุ้น BA ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 10.80 บาท ดีดตัวทำแท่งเขียวยาว พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD+Slow Sto. เพิ่งพลิกตัวส่งสัญญาณซื้อ หากผ่านต้านแรกที่ 11.20 บาท จะมีต้านถัดไปแถว 12.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 10.50 บาท และมีจุด cut loss ที่ 10.20 บาท
ข่าวเด่น