เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุนประจำวัน "การฟื้นตัวจำกัด และภาพรวมยังมีdownside"


คาด SET การฟื้นตัวจำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1680-1690 จุด เนื่องจากดัชนียังเผชิญปัจจัยลบจาก 1) เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุล และ 2) การ lockdown เพื่อสกัดโควิด-19 ของจีน กระทบต่อเศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทาน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1666 จุด หากต่ากว่า เป็นลบต่อและมีแนวรับถัดไปที่ 1655 จุด กลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพ มีปัจจัยบวกเฉพาะ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน
 

 
 
ประเด็นสำคัญ

# ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น ยุโรปปรับลง ราคาน้ำมันร่วง
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น จากแรงซื้อกลับหุ้น Tech ขนาดใหญ่หุ้น Twitter พุ่งแรงหลังมีข่าว Elon Musk บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการ รวมทั้งการรายงานงบ 1Q65 ที่ดีกว่าคาดของ บจ. ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับลดลง ส่วนราคาน้ามันร่วงต่อ จากความกังวลอุปสงค์ชะลอตัวจากการล็อกดาวน์ของจีน

# จีนล็อกดาวน์กรุงปักกิ่งบางส่วนอาจกระทบ ศ.ก.อย่างหนัก
เนื่องจากปักกิ่งมีประชากรกว่า 20 ล้านคน ซึ่งการล็อกดาวน์ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานให้เกิดการหยุดชะงัก รวมทั้งกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ทั้งนี้มีการประเมินว่า GDP ของจีนปีนี้อาจเติบโตต่ากว่าเป้าหมายที่รัฐบาลประเมินไว้ที่ 5.5%

# ประชุม ครม.คาดพิจารณาภาษีน้ำมันดีเซล-คนละครึ่ง
โดยมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ามันดีเซลจะหมดอายุในวันที่ 20 พ.ค.นี้ อาจไม่มีการขยายเวลามาตรการดังกล่าวออกไป ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ามันดีเซลเป็น 32 บาท/ลิตร ขณะที่มาตรการคนละครึ่งเฟส 4 จะสิ้นสุด 30 เม.ย. นี้ จะยังไม่มีโครงการใดออกมาใช้ต่อทันทีในวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีการปรับสูตรช่วยจ่ายเงินของรัฐหรือไม่

ล็อคเป้ำลงทุน

> ช่วงสั้นมองการฟื้นตัวของ SET ยังจากัดที่บริเวณ 1,700-1,718 จุด และมีโอกาสอ่อนตัวลงจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกเป็นสำคัญ เช่น การดาเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวของเฟด, ความกังวล Stagflation และสถานการณ์โควิดในจีน รวมทั้งราคาน้ำมันที่คาดยังทรงตัวสูงซึ่งทาให้ตลาดมี Downside Risk จากการปรับลดประมาณการแนวโน้มกำไรลงในระยะถัดไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective Buy ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพ และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้

> Core Portfolio : คงน้ำหนักพอร์ตที่ 50% โดย Let Profit Run หุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกอย่าง KBANK AMATA LH GULF ADVANC

> Weekly Portfolio : เก็งกำไร 25% ใน 1) หุ้นท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์บวกรัฐคลายมาตรการเข้าประเทศ (ยกเลิก Test&Go) ตั้งแต่ 1 พ.ค. เลือก AOT ERW AWC CENTEL CPALL BJC 2) หุ้นเครื่องดื่มซึ่งมองตลาดปรับลดประมาณการสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว และ 2Q65 คาดกำไรดีขึ้น YoY และ QoQ เลือก CBG OSP และ 3) หุ้นที่คาดงบ 1Q65 เติบโตดี เลือก BH HMPRO PTT

> ช่วงสั้นแนะนาเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน 1) หุ้นกลุ่มปาล์ม จากล่าสุดสัญญาน้ำมันปาล์มดิบที่ซื้อขายในตลาดมาเลเซียปรับลง 2.1% หลังอินโดนีเซียชี้แจงระงับส่งออกแค่น้ำมันปาล์มโอเลอินแต่ยังส่งออกน้ำมันปาล์มดิบต่อไป และมาเลเซียเตรียมเพิ่มกาลังผลิตน้ำมันปาล์มหลังเปิดประเทศ และ 2) หุ้นกลุ่มขนส่ง,วัสดุก่อสร้าง, บรรจุภัณฑ์ ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยฯ จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นซึ่งมีโอกาสถูกDowngrade Earnings หลังประกาศงบ 1Q65

> Daily Focus : OSP มองราคาหุ้นปรับตัวลงสะท้อนกำไร 1Q65 ไม่สดใสแล้ว ขณะที่ 2Q65 คาดฟื้นตัวแรง YoY และ QoQ ช่วยหนุนให้ปี 65 คาดกำไรฟื้นตัวดีขึ้น 14.8%YoY และ DELTA ช่วงสั้นมีภาพการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และได้อานิสงส์บาทอ่อนค่า ขณะที่ปี 65 คาดกาไรพลิกโตเด่น YoY เนื่องจากอยู่ในห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจ New S-Curve อาทิ EV, 5G, Clean Energy ซึ่งอุปสงค์มีแนวโน้มเติบโตสูง

Wealth Strategy
 
แนะนำหุ้นต่างประเทศ : กลุ่ม Luxury Goods ในยุโรป เรามองว่าหุ้นประเภทนี้ได้ประโยชน์จาก Reopening และมีอานาจในการกำหนดราคาสูง และมีลักษณะเชิงรับโดยในกลุ่มนี้เราชอบ LVHM และ Kering
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 เม.ย. 2565 เวลา : 11:17:10
05-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 5, 2024, 5:59 pm