การฟื้นตัวของดัชนีเกิดขึ้นตามคาด ซึ่งมองเป็นแค่การรีบาวด์ทางเทคนิค และได้ปัจจัยบวกเพิ่มจากจีนที่เตรียมคลาย lockdown อย่างไรก็ตาม มองปัจจัยกดดันหลักยังคงอยู่ จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้มองกรอบบน จะถูกจำกัดที่แนวต้าน 1625 และ 1637 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1590-1600 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• ถ้อยแถลง ปธ. Fed ระบุไม่ลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลง
• ที่ประชุม ครม. มีมติลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บ./ลิตร ระยะเวลา 2 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. - 20 ก.ค. 65
• สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP 1Q65 โต 2.2%YoY แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ 2.5-3.5% จากเดิมคาด 3.5-4.5% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ขึ้นเป็น 4.2-5.2% จากเดิมคาด 1.5-2.5%
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้น SET มีโอกาสรีบาวด์หลังปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว แต่ Upside ยังจำกัดหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ และยังมีความเสี่ยงภายนอกอยู่ กลยุทธ์ลงทุนจึง แนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นคุณภาพที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
ล็อคเป้าลงทุน
Core Portfolio : คงน้ำหนักพอร์ตไว้ที่ 50% แนะนำรอจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มโตดี และ/หรือ มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกอย่าง KBANK AMATA LH GULF ADVANC
Weekly Portfolio : เก็งกำไร 25% ใน 1) หุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีหลังราคาปรับลงแรง เลือก ADVANC BLA KBANK RATCH TU โดยคาดมีผลตอบแทน 4-6% ใน 1 สัปดาห์หลังตลาดผ่านจุดต่ าสุด 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์การกลับมาเปิดภาคเรียนปกติ (On site) ในไทยตั้งแต่ 17พ.ค. เลือก BEM CPALL OSP และ 3) หุ้นส่งออกที่ได้อานิสงส์บาทอ่อน และสหรัฐมีแผนลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เลือก DELTA PSL RCL
Daily Focus
AH หลัง 1Q65 กำไรดีเกินคาด และมอง 2Q65 กำไรจะดีขึ้น YoYโดยได้รับการสนับสนุนจากการเริ่มผลิตเพลารถกระบะตามคำสั่งซื้อใหม่
DELTA มองได้โมเมนตัมบวกจากแรงซื้อที่กลับเข้ามาในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก ขณะที่ปี 65 คาดก าไรพลิกโตเด่น YoY เนื่องจากอยู่ในห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจ New S-Curve ซึ่งอุปสงค์มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว
ข่าวเด่น