คาด SET เริ่มมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1640 และ 1650 จุด ตามลำดับ โดยสถานการณ์ยังไม่น่าวางใจ ทั้งปัจจัยลบเดิม เรื่องการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และปัจจัยลบใหม่ที่เริ่มก่อตัวจากความกังวลการระบาดของโรคฝีดาษลิง และโควิคในจีน ผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกครั้ง สร้างความกังวลต่อการล็อกดาวน์ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1622 และ 1610 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• ปธน.ไบเดนเตรียมยุติมาตรการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนวงเงิน 3.5 แสนล้านเหรียญที่จะหมดอายุ 6 ก.ค.แต่ก็ระบุพร้อมใช้กำลังปกป้องไต้หวันหากจีนรุกราน
• จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงปักกิ่งสูงสุดในการระบาดระลอกปัจจุบัน สร้างความกังวลว่าอาจล็อกดาวน์อีกครั้ง ขณะที่โรคฝีดาษลิงเริ่มระบาดในยุโรป
• ส.อ.ท. รายงานยอดส่งออกรถยนต์ เม.ย. 65 โต 5.33%YoY คาดปีนี้โต 5% ขณะที่ยอดขายใน ปท.โต 9.11%YoY ส่วนยอดผลิตโต 12.87%YoY
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้น SET ยังมีความผันผวนในทิศทางขาลงหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่และปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ดี การปรับลงแรงของตลาดและราคาหุ้นมองเป็นโอกาสดีในการซื้อเพื่อหวังผลในช่วงปลายปี กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “หาจังหวะทยอยซื้อสะสม” ในหุ้นคุณภาพดี
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : เรายังมีมุมมองระมัดระวังต่อการลงทุนจึงเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีโมเมนตัมกำไรดีต่อเนื่องรวมทั้ง Valuation ไม่แพง (สะท้อนได้จาก PBV ยังต่ำกว่าหรือใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ใน 2 ธีมหลัก คือ
1) หุ้นที่กำไร 1Q65 ดีเกินคาด และ 2Q65 โมเมนตัมกำไรดีต่อเนื่อง เลือก IVL AMATA MTC CPALL และ
2) หุ้นที่กำไรผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 เลือก OSP
Daily Focus
KBANK ซึ่งปี 65 คาดกำไรฟื้นตัว 21%YoY จากแรงหนุน Creditcost ลดลงและสินเชื่อที่เติบโตดีขึ้น รวมทั้งช่วงสั้นคาดได้ Sentimentบวกจากการที่ผู้ว่า ธปท. กล่าวในการประชุม WEF ที่สวิตเซอร์แลนด์ว่า ศก. ไทยยังมีพื้นฐานดี เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้
CPALL มองได้อานิสงส์โดยตรงจากการกลับมาเปิดเทอมของนักเรียนและทำงานที่ออฟฟิศ ทั้งนี้กำไร 2Q65 คาดจะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้น รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากดีล Lotus’s ที่ลดลง
ข่าวเด่น