การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
"พลเอก ประวิตร" ห่วงชาวปทุมธานี สั่งชัดต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมให้ได้ตามแผน


 
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามการดำเนินการโครงการด้านทรัพยากรน้ำ ณ จ.ปทุมธานี โดยเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ จ.ปทุมธานี พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ กอนช. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมบัวหลวงปทุมธานี ชั้น 5 ศาลากลาง จ.ปทุมธานี ก่อนเดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังสภาพปัญหาและแนวทางการพัฒนาคลองหมายเลข 3 ของ จ.ปทุมธานี ณ โรงเรียนวัดเวฬุวัน ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากนั้นลงพื้นที่ตรวจติดตามก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอาคารประกอบ ณ โครงการสถานีสูบน้ำถาวรปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ (บริเวณหน้าวัดเทพสรธรรมาราม) ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ตามลำดับ

พลเอก ประวิตร กล่าวมอบนโยบายการบริหารจัดการน้ำ จ.ปทุมธานี โดยมอบหมายให้ สทนช. จังหวัดปทุมธานี และกรมชลประทาน ร่วมบูรณาการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกปัญหา และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งดำเนินการตามแผนงานโครงการป้องกันอุทกภัยในเขตจังหวัดปทุมธานี เพื่อลดความเสียหายและผลกระทบของพื้นที่ในช่วงฤดูน้ำหลาก รวมทั้งให้กรมทางหลวงดำเนินการตามแผนงานปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถเร่งระบาย น้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยให้ทุกหน่วยงานร่วมกันเตรียมความพร้อมและดำเนินการตามแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมและแผนเผชิญเหตุของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบแนวทางการพัฒนาคลองหมายเลข 3 จ.ปทุมธานี โดยสั่งการกรมชลประทานและกรมทางหลวง ให้มีการบูรณาการร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาและการแก้ไขปัญหา โดยการเพิ่มศักยภาพของคลองตลอดสาย ให้สามารถระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมถึงทำให้เกิดการไหลเวียนของน้ำ ลดปัญหาน้ำเน่าเสียในคลอง อีกทั้งสามารถกลับมาใช้เป็นเส้นทางคมนาคม ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดปทุมธานีได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำถาวรปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงโครงการอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว และให้ดำเนินการเร่งซ่อมแซม บำรุงรักษาระบบระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำและสถานีสูบน้ำ ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ให้อยู่ใน สภาพพร้อมใช้งาน ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัดและหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว กำหนดมาตรการรองรับภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ พร้อมเผชิญเหตุทุกเมื่อได้อย่าง มีประสิทธิภาพ เนื่องจากพื้นที่ จ.ปทุมธานี เป็นเขตรอยต่อกรุงเทพมหานคร ปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมไปถึงปัญหาการจราจรด้วย ดังนั้นการวางแผนแก้ไขปัญหาอุทกภัยจึงต้องเร่งดำเนินการให้ได้ตามแผนงานที่วางไว้

ด้าน ดร.สุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่จ.ปทุมธานี ช่วง ปี 61 – 65 ที่ผ่านมา มีจำนวน 470 โครงการ ความจุ 3.45 ล้านลูกบาศก์เมตร ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 5,946 เมตร พื้นที่ รับประโยชน์ 22,829 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 162,516 ครัวเรือน เช่น ประตูระบายน้ำกลางคลอง 13 ต.พืชอุดม อ.ลำลูกกา โครงการปรับปรุงเส้นท่อ กปภ.สาขารังสิต อ.ธัญบุรี ปรับปรุงอาคารบังคับน้ำปลายคลองลาดหลุมแก้ว โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบรรลือ ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว สำหรับโครงการตามงบบูรณาการฯ ปี 66 มีทั้งสิ้น 2 โครงการ ได้แก่ ประตูระบายน้ำกลางคลองรังสิต 8-9 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี และพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ และมีแผนงานโครงการสำคัญ จำนวน 3 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะมีพื้นที่ป้องกันน้ำท่วม 50,000 ไร่ อาทิ ประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ปรับปรุงคันคลองเชียงรากน้อย ด้านทิศเหนือ ระยะที่ 1 เป็นต้น

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ก.พ. 2566 เวลา : 19:02:59
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 5:05 am