แบงก์-นอนแบงก์
ทีเอ็มบีธนชาติ ปักหมุดสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นของคนไทย ด้วย 3 กลยุทธ์ปี 2566 มุ่งพัฒนา Digital Banking สู่ Top3


 
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดแผนขับเคลื่อนธุรกิจปี 2566 ที่มุ่งสร้างชีวิตของคนไทยให้มีการเงินที่ดีขึ้น ด้วยการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย หรือ The Next REAL Change กับ 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Synergy Realization มุ่งสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าผ่านการต่อยอดจุดแข็งจากการรวมกิจการ Digitalization รุกพัฒนาดิจิทัลเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินและประสิทธิภาพของธนาคาร ผ่าน ttb touch เวอร์ชันใหม่ และการสร้าง Ecosystem Play พัฒนาชีวิตทางการเงินของลูกค้ากลุ่มพนักงานเงินเดือน คนมีรถ คนมีบ้านให้ดีขึ้นรอบด้าน

 
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า นับตั้งแต่การรวมกิจการระหว่างทีเอ็มบีและธนชาต จนกลายมาเป็น ‘ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb’ ธนาคารได้ประกาศถึงพันธกิจที่จะเป็น The Bank of Financial Well-being หรือ ธนาคารที่มุ่งมั่นช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งประเทศ เพราะตั้งแต่การเกิดปัญหา COVID-19 ทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาความผันผวนทางเศรษฐกิจ ถึงแม้วันนี้สถานการณ์จะเริ่มฟื้นฟูแล้วก็ตาม แต่บาดแผลทางเศรษฐกิจที่ทิ้งไว้ยังคงอยู่ คนไทยยังมีปัญหาเรื้อรังกับเรื่องของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นที่กระทบต่อกำลังซื้อ ทำให้ประชาชนที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องหรือมีหนี้เดิมอยู่เกิดความยากลำบากทางด้านการเงินมากขึ้น ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนแตะระดับสูงถึง 86.8% ของ GDP ในไตรมาส 3/2565 จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ธนาคารยิ่งมุ่งยึดถือพันธกิจเป็นหลักสำคัญในการดำเนินงาน ซึ่งตั้งแต่รวมกิจการ ทีเอ็มบีธนชาตได้ส่งมอบชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้ามากมายผ่านโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ อาทิ การได้ช่วยให้คนไทยกว่า 2 ล้านคนได้รับความคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุฟรี ผ่านบัญชี ttb all free ช่วยลูกค้าที่มีหนี้ทำการรวบหนี้ (Debt Consolidation) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง แม้เพิ่งเริ่มต้นแต่ได้มีลูกค้าร่วมโครงการราว 2,000 ราย ประหยัดเงินจากดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมเป็นเงินกว่า 270 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องด้วยสินทรัพย์บ้านกว่า 9.2 พันล้านบาท และช่วยให้ลูกค้าเริ่มลงทุนไปสู่เป้าหมาย ผ่าน ttb smart port มากกว่า 2,000 ราย รวม 2 หมื่นล้านบาท เป็นต้น

นายปิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2566 ยังคงเป็นปีแห่งความท้าทายอันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แม้การขับเคลื่อนธุรกิจของธนาคารยังต้องดำเนินต่อไป แต่ทางทีเอ็มบีธนชาติไม่ได้มุ่งวางเป้าตัวเลขของการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ เพราะทางธนาคารจะไม่กระตุ้นการสร้างหนี้ หรือกระตุ้นให้คนที่ไม่ได้อยากได้สิ่งของที่ไม่จำเป็น เกิดความต้องการสร้างหนี้ขึ้นมา ซึ่งมันก่อให้เกิดปัญหากับคุณภาพชีวิตทางการเงินของคนไทยที่ย่ำแย่ลง แต่จะมุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าของธนาคารด้วยการสร้าง The Next REAL Change เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในรูปแบบใหม่ ภายใต้กลยุทธ์หลัก 3 เรื่อง ได้แก่ 
 
 


1.Synergy Realization: ต่อยอดพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้า ผ่านจุดแข็งและความแข็งแกร่งจากการรวมกิจการ หลังรวมกิจการทำให้ทีเอ็มบีธนชาตมีความแข็งแกร่งด้วยฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย สะท้อนได้จากผลประกอบการปี 2565 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 14,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อนหน้า และได้รับผลประโยชน์ด้านค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากการรับรู้ Cost Synergy ของการรวมกิจการ ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงจาก 48% ในปี 2564 มาอยู่ที่ 45% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงมา 4.1% เมื่อเทียบปี 2565 กับปีที่แล้ว วันนี้ธนาคารถือว่ามีความพร้อมทั้งศักยภาพที่แข็งแกร่งและงบประมาณในการลงทุน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า

จากเดิมที่ธนาคารมีสินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน บัญชีเพื่อใช้ เพื่อออม และบัญชีเงินเดือน เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในตลาด ปีนี้ทีเอ็มบีธนชาตจะต่อยอดจุดแข็งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปสู่สินเชื่อรถแลกเงิน (ttb cash your car) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (ttb cash your home) สินเชื่อ ttb payday loan และกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถ เนื่องจากโซลูชันเหล่านี้นอกจากจะมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นแล้ว ในสภาวะที่ลูกค้าประสบปัญหาสภาพคล่องภายใต้เศรษฐกิจผันผวนของปีนี้ ก็จะสามารถเข้าถึง personal loan ได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า 


 
2. Digitalization: การยกระดับประสบการณ์ทางการเงินและพัฒนาประสิทธิภาพของธนาคารผ่าน ttb touch เวอร์ชันใหม่ ธนาคารมีเป้าหมายนำดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า และขับเคลื่อนองค์กรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนของธนาคาร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็น Top 3 Digital Banking Platform ภายใน3-5 ปี โดยจะขยายขีดความสามารถของ ttb touch ให้ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างรอบด้าน ซึ่ง ttb touch เวอร์ชันใหม่ได้เปิดตัวไปเมื่อไตรมาส 2/2565 และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 46% และจำนวนรายการธุรกรรมบนแอปเติบโตขึ้น 25% ถึงแม้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ttb touch เกิดปัญหาขัดข้องทำให้ทีมงานได้เร่งปรับปรุงแก้ไข และวางแผนพัฒนาความสามารถในการรองรับการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันนี้แอปมีความเสถียรและสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญด้วยศักยภาพของ ttb touch เวอร์ชันใหม่ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงโปรโมชันต่าง ๆ ให้กับลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 หรือ Segment-of-One ยกระดับการให้บริการลูกค้าได้แบบเฉพาะเจาะจงรายคน เช่นการแจ้งเตือนให้ทราบถึง Insight ลูกค้าผ่านการเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้าภายในแอป ซึ่งลูกค้าได้ทำการกดแจ้งเตือนไปแล้ว 3 แสนครั้ง นับตั้งแต่การเปิดตัว คิดเป็นอัตราเฉลี่ยการกดต่อวัน มากกว่าการกดสื่อโซเชี่ยลมีเดีย 2.2-2.5 เท่า โดยธนาคารจะยังเดินหน้าพัฒนาองค์กรให้เป็น Digital-First Experience เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมส่วนใหญ่ได้เองผ่าน ttb touch เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในขณะที่พนักงานสาขาจะมีบทบาทสำคัญในการเป็น Trusted Advisor ให้คำปรึกษา แนะนำและให้บริการลูกค้าบนผลิตภัณฑ์และบริการที่ซับซ้อน และในอนาคตก็มีแผนที่จะผลักดันช่องทางดังกล่าวให้กลายเป็นช่องทางหลักในการทำธุรกรรม หรือ Digital-Only เพื่อลดต้นทุนการให้บริการ และการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


 
3. Ecosystem Play: การสร้างชีวิตทางการเงินของลูกค้าบัญชีเงินเดือน มีรถ มีบ้านให้ดีขึ้นรอบด้าน ทีเอ็มบีธนชาตเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วย New Business Model มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ มนุษย์เงินเดือน กลุ่มคนมีรถ และกลุ่มคนมีบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญและมีฐานลูกค้าเป็นแต้มต่อ โดยธนาคารจะต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตของลูกค้าตลอด Journey และช่วยให้ชีวิตของลูกค้าสามารถบริหารจัดการเรื่องสำคัญได้อย่างรอบด้าน โดยเน้นการทำงานจากทีมภายใน และร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำภายนอก (Partnership) และจะให้บริการจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลักสำคัญ โดยมี ttb touch เป็นตัวขับเคลื่อนให้ลูกค้าบริหารจัดการชีวิตได้อย่างครบวงจร อาทิ สำหรับคนมีรถจะสามารถบริหารจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับรถ เช่น จ่าย-เช็คยอดสินเชื่อรถ ต่อประกันภัยรถและพรบ. เติมเงิน-เช็คยอดบัตรทางด่วน Easy Pass ค้นหาโปรโมชันเกี่ยวกับการดูแลรถ สมัครสินเชื่อรถแลกเงิน แม้กระทั่งการขายรถแบบ e-auction ทุกอย่างสามารถทำบนฟีเจอร์ “My Car” บนแอป ttb touch ได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ อีกสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญและเร่งทำคือการเตรียมความพร้อมบุคลากร เพื่อให้สามารถร่วมกัน Transform องค์กรได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเพิ่มศักยภาพและจำนวนทีมงานด้าน Tech & Data ให้มากขึ้น ที่ผ่านมาธนาคารได้จัดตั้งทีมดิจิทัล ttb spark และ ttb spark academy เพื่อที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้าง Talent รุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอดรับกับโลกธุรกิจผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชัน โดยปัจจุบันมีทีมงาน ttb spark มากกว่า 400 คน ดูแลทั้งในส่วนของฝั่ง Tech และ Beyond Banking Business พร้อมผลักดันและพัฒนาแอป ttb touch ให้มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้าน ttb spark academy ได้มีกิจกรรมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำและมีนักศึกษาเข้ามาฝึกงานด้วยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดกิจกรรม ttb hackathon: Financial Well-being for Thais ซึ่งมีผู้ร่วมสมัครมากกว่า 100 ทีม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่เพื่อให้ Talent เหล่านี้สนใจร่วมงานกับธนาคารในอนาคต”

“สุดท้ายนี้ ด้วยศักยภาพของทีเอ็มบีธนชาตที่มีความพร้อมในทุกด้าน ณ วันนี้ ผนวกกับกลยุทธ์ทั้ง 3 ด้าน จะสามารถทำให้ปีนี้ เราจะยังคงเดินหน้าไปสู่การเป็นธนาคารที่ Make REAL Change เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง” นายปิติ กล่าวสรุป





 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ก.พ. 2566 เวลา : 16:59:49
28-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 28, 2024, 4:22 am