แบงก์-นอนแบงก์
กสิกรฯ ชี้ การจัดตั้งรัฐบาลไทยปี 66 เป็นปัจจัยพิจารณาการลงทุน เผยหนี้สหรัฐ และ Fed ส่งผลให้เงินทุนไหลออก เงินบาทอ่อนค่า




24 พ.ค. 2566 - นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย วิเคราะห์ถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกสภาพเศรษฐกิจไทยในงานสัมนา “ปรับกลยุทธ์รับมือตลาดการเงินที่ผันผวน” ว่า ในภาคการลงทุนของไทย ยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายประการ โดยสะท้อนออกมาจากการเรียกร้องของนักลงทุนหุ้นไทยที่ต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 10.7% เนื่องจากหุ้นของไทยมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ในช่วงต้นปีนี้ - 22 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา เงินทุนต่างประเทศได้ไหลออกจากไทยไปกว่า 82,000 ล้านบาท จากทั้งสถานการณ์ทางด้านสหรัฐ เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed และปัจจัยภายในประเทศที่สำคัญอย่างการเลือกตั้งในปี 2566 นี้ 

โดยตลาดได้มองว่า การจัดตั้งรัฐบาลของไทยอาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด จากที่พรรคที่ชนะการเลือกตั้งจะต้องมีการรวมเสียงของทั้ง ส.ส. และ ส.ว ให้ได้ 376 เสียงถึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และประเทศไทยยังเป็นรัฐบาลแบบผสม ซึ่งต้องคอยจับตาดูว่านโยบายที่หาเสียงออกไปนั้น มีข้อไหนที่ทำได้จริงบ้าง เพราะการทำ MOU ที่พรรคก้าวไกลได้เสนอกับพรรคร่วมนั้นก็ได้มีการนำนโยบายบางข้อออกไป อีกทั้งเรื่องของนโยบายค่าแรง ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระทบกับภาคเศรษฐกิจด้วย ทำให้ตลาดยังอยู่ในความกังวลอยู่บ้าง สะท้อนจากนักลงทุนทำการถอนเงินออกจากตราสารหนี้ไทยออกไป และเป็นปัจจัยหลักระยะยาวที่นักลงทุนต่างชาตินั้นใช้พิจารณาการลงทุนหุ้นไทย

ส่วนด้านของปัจจัยนอกประเทศอย่างสหรัฐ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ เรื่องของเพดานหนี้สหรัฐจะไปถึงจุดยุติ สำหรับการเจรจาที่ดึงดันกันไปมาระหว่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดี จากฝั่งของพรรคเดโมแครต กับ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มาจากฝั่งของพรรครีพับลิกัน ซึ่งยังอยู่ในช่วงตึงเครียด เพราะประเด็นหนี้สหรัฐล่าสุด อยู่ที่ 123% ของ GDP สหรัฐแล้ว  และหากเอาตัวเลขนี้บวกกับตัวเลขการขาดดุล มันอาจขึ้นไป 290% ของ GDP ใน 10 ปีเลยทีเดียว ปัจจัยนี้ทำให้ตลาดหุ้นมีความกังวลและความผันผวนมากขึ้น ส่วนประเด็นของ Fed ล่าสุดที่มีการส่งสัญญานว่าจะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ Bond yields ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่า และเป็นส่วนที่ทำให้เงินทุนต่างประเทศไหลออกจากไทย เงินบาทจึงมีการอ่อนค่าลงในปัจจุบัน

“ในระยะยาว นักลงทุนจะจับตาดูการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายการหาเสียงไว้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากได้รัฐบาลที่มีความเป็นประชาธิปไตย ก็เป็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ส่วนในระยะสั้นนี้ เศรษฐกิจประเทศไทยก็ยังถูกจับตาดูอยู่ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นพาร์ทหลักในปัจจุบัน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนที่มีกำลังซื้อสูงยังเป็นกลุ่มหลักที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศไทย โดยปัจจุบันเดือน เม.ย. มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาแล้ว 300,000 คน และมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ” นายกอบสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 พ.ค. 2566 เวลา : 17:14:53
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 6:37 am