การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
สทนช.เดินหน้าแผนบริหารจัดการน้ำบึงกาฬ ปลุกพลังมวลชนบูรณาการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบ สร้างความมั่นคงด้านน้ำ ตามแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี


สทนช.เดินหน้าแผนหลักบูรณาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.บึงกาฬ ติดตามการจัดการน้ำ “หนองเลิง” และ “ห้วยน้ำคำ” เร่งออกแบบวางโครงการเบื้องต้นโดยพัฒนาแหล่งน้ำ จำนวน 13 แห่ง ในทุกอำเภอ พร้อมทั้งวางแผนการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และปัญหาแหล่งน้ำตื้นเขิน ที่ส่งผลต่อความความมั่นคงของน้ำ ที่คำนึงถึงคุณภาพแหล่งน้ำ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ชาวบึงกาฬ

 
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า จังหวัดบึงกาฬมีปริมาณฝนตกในพื้นที่เฉลี่ย 1,557 มิลลิเมตรต่อปี ประกอบกับสภาพพื้นที่เป็นภูเขาที่มีความสูงชัน โดยบริเวณเทือกเขาต่างๆ มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะระหว่างภูเขา โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา และอำเภอบึงโขงหลง ทำให้ในฤดูฝนน้ำจะไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่จังหวัด จึงจำเป็นต้องเร่งการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง ในขณะที่ฤดูแล้งจังหวัดบึงกาฬประสบปัญหาด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมากพอสมควร จากการศึกษา พบว่า ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี มีค่ามากกว่าความต้องการใช้น้ำรวมทั้งปี โดยในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยมีไม่เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำ ส่วนในฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยมีค่ามากกว่าความต้องการใช้น้ำ แสดงให้เห็นว่า ควรมีการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำให้มากขึ้น เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้เพียงพอกับความต้องการ

 
รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 ถึงปัจจุบัน น้อยกว่า ค่าปกติร้อยละ 19 และในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 13 สำหรับสถานการณ์น้ำ ณ ปัจจุบัน ของ จ.บึงกาฬ โดยมีแหล่งน้ำทั้งหมด 1,448 แห่ง สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 35 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ซึ่งมีปริมาณน้ำน้อยกว่า ปี 65 อยู่ประมาณ 13 ล้าน ลบ.ม. จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบัน ไม่พบพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภคเพื่อผลิตน้ำประปา และพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 และมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ 3 มาตรการอย่างเคร่งครัด และกำชับทุกหน่วยงานเตรียมแผนการรับมือจากสถานการณ์เอลนีโญ เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ทันกับสถานการณ์

 
สทนช. เริ่มดำเนินการโครงการศึกษาแผนบูรณาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวรและบริษัทที่ปรึกษา โดยดำเนินการศึกษาทั้งด้านการจัดทำแผนบูรณาการตามสภาพปัญหาพื้นที่ในเชิงลึก จัดทำแผนการพัฒนาบึงหรือหนองน้ำธรรมชาติที่มีศักยภาพของจังหวัด และจัดทำรายงานวางโครงการเบื้องต้นที่สำคัญเร่งด่วน ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี พร้อมทั้งการจัดทำฐานข้อมูลระบบสารสนเทศและ งานด้านประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่พบปะประชาชนไปแล้วกว่า 6 ครั้ง โดยผ่านกิจกรรมการประชุมปฐมนิเทศ การประชุมกลุ่มย่อย และการสนทนากลุ่ม มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 1,300 คน เพื่อสอบถามความคิดเห็น ข้อเสนอแนะนำมาประกอบการจัดทำแผนบูรณาการ (Integrated Master Plan) พร้อมจัดทำแผนการพัฒนาบึงหรือหนองน้ำธรรมชาติที่มีศักยภาพของจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งจะดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 66

 
จากผลการศึกษาได้มีการคัดเลือกแหล่งน้ำที่มีศักยภาพในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จำนวน 13 แห่ง ในทุกอำเภอ เพื่อทำโครงการเบื้องต้นเร่งด่วนในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมทั้งวางแผนการบริหารจัดการน้ำ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ปัญหาแหล่งน้ำตื้นเขิน และสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับแหล่งน้ำได้อย่างเป็นระบบ เพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการเกษตรและภาคการผลิตอย่างเพียงพอ

 
ทั้งนี้ หนองเลิง สามารถเก็บกักน้ำเต็มศักยภาพได้ 18.478 ล้าน ลบ.ม. เป็นหนึ่งในพื้นที่เร่งด่วนในการพัฒนา แหล่งน้ำธรรมชาติ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้งซ้ำซาก ประกอบกับพื้นที่เป็นที่ลุ่มซึ่งมี ความเหมาะสมที่จะออกแบบเป็นแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก โดยออกแบบให้มีการขุดลอกทางน้ำเข้า ระบบกระจายน้ำ เพื่อให้น้ำสามารถไหลเข้าสู่หนองเลิงได้สะดวก พร้อมทั้งขุดลอกทางน้ำเข้า-ออกจากแม่น้ำสงครามด้วย เนื่องจากคลองเชื่อมต่อระหว่างหนองเลิงกับแม่น้ำสงคราม ปัจจุบันมีสภาพตื้นเขิน หากโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูหนองเลิง พร้อมระบบกระจายน้ำ ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอพรเจริญ จะส่งผลให้ในอนาคตปัญหาการขาดแคลนน้ำจะลดลง และมีการปรับปรุงการใช้น้ำเพื่อการเกษตรให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงจะมีการปลูกพืชเศรษฐกิจแทนข้าวในฤดูแล้ง

นอกจากนี้ จังหวัดบึงกาฬมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญ คือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง และเขตห้ามล่าสัตว์กุดทิง ที่ปัจจุบันเป็นพื้นที่รับน้ำจากในพื้นที่ ทั้งน้ำทิ้งจากครัวเรือน และการชะล้างสารเคมีทางการเกษตรจากหน้าดินลงสู่พื้นที่ ชุ่มน้ำ ซึ่งน้ำทิ้งดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของวัชพืชน้ำ (จอกหูหนูยักษ์) ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการคุณภาพน้ำ โดยอาศัยกระบวนการทางธรรมชาติที่มีระบบการจัดการที่ง่ายและมีต้นทุนต่ำ เช่น โครงการจัดทำและบริหารจัดการป่าบุ่ง ป่าทามประดิษฐ์ระดับชุมชนแบบบูรณาการบนพื้นฐานความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น พื้นที่บริเวณห้วยน้ำคำไหลออกสู่กุดทิง เพื่อเป็นต้นแบบนำร่องในพื้นที่ต่อไป

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ส.ค. 2566 เวลา : 11:22:08
08-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 8, 2024, 12:14 am