การตลาด
'กรมเจรจาฯ' ขึ้นเหนือ หนุนสินค้าซุปตาร์น่าน 'กาแฟ ชา ลำไย ผ้าทอ' ใช้ประโยชน์ FTA ลุยตลาดการค้าเสรี


กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจับมือสภาเกษตรกรแห่งชาติ ลงพื้นที่สำรวจสินค้าดาวเด่น กาแฟ ชาลำไย และผ้าทอ จังหวัดน่าน นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ ติวเข้มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ แนะใช้ประโยชน์จาก FTA เพิ่มแต้มต่อขยายส่งออกไปตลาดการค้าเสรี

 
นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม) ให้ลงพื้นที่พบหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ จังหวัดน่าน ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 6 – 8 กันยายน 2566 พร้อมจัดสัมมนาให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องความตกลงการค้าเสรี (FTA) และแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องสถานการณ์การค้าสินค้าในพื้นที่ ทั้งกาแฟ ชาอัสสัม ลำไยอีดอ และผ้าทอน่าน โดยมุ่งเน้นให้เร่งใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยทำกับคู่ค้า 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ซึ่งได้ยกเว้นภาษีนำเข้าให้กับสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว

นางสาวบุณิกา กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ กรมได้นำวิทยากรผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างประเทศ ให้คำแนะนำเรื่องกลยุทธ์การทำตลาด พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ สินค้า BCG และแนวทางการเพิ่มมูลค่าสินค้า ทั้งการสร้างเรื่องราว และการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสร้างความแตกต่างของสินค้า เพื่อให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาต่อยอดสินค้า ให้สามารถแข่งขันได้และเข้าถึงช่องทางตลาดเพิ่มขึ้น

 
สำหรับการพบหารือกับผู้ประกอบการกาแฟ ห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่ อำเภอเวียงสา และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปกาแฟสวนยาหลวง อำเภอท่าวังผา ได้แนะนำทิศทางการเติบโตของตลาดกาแฟ ซึ่งเป็นสินค้าดาวรุ่งที่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศมีความต้องการแบบก้าวกระโดด ให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA เพื่อเพิ่มแต้มต่อขยายตลาดส่งออก ซึ่งปัจจุบันคู่ค้า FTA ส่วนใหญ่ได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากาแฟจากไทยทุกรายการแล้ว ยกเว้น ญี่ปุ่น จีน เปรู และอินเดีย ที่ยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์บางรายการ ทั้งนี้ ภายใต้ความตกลง RCEP ญี่ปุ่นจะทยอยลดภาษีนำเข้ากาแฟคั่วให้ไทยจนเหลือ 0 ในปี 2580 ส่วนผลิตภัณฑ์กาแฟ ปัจจุบันประเทศคู่ค้า FTA ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าให้ไทยทุกรายการแล้ว ยกเว้น อินเดีย

 
นอกจากนี้ กรมยังได้พบปะกับวิสาหกิจชุมชนเมี่ยงชาอัสสัมแปรรูป อำเภอปัว ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาอัสสัมขนาดใหญ่ในไทย โดยกรมได้ให้คำแนะนำเรื่องโอกาสทางการค้าของสินค้าชาในตลาดโลก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการเติบโตสูงทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก รวมทั้งยังเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์โลกโดยเฉพาะผู้บริโภคที่รักสุขภาพ พร้อมมุ่งเน้นให้ผลิตสินค้าที่มีมาตรฐาน ประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทางสื่อออนไลน์ เจาะตลาดนักท่องเที่ยว และใช้ประโยชน์จาก FTA ที่คู่ค้าส่วนใหญ่ได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสินค้าชาและผลิตภัณฑ์จากไทยทุกรายการแล้ว

 
สำหรับการพบหารือกับวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ลำไยพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง เกษตรกรผู้ปลูกลำไยพันธุ์อีดอ กรมได้ให้คำแนะนำการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อแปรรูปลำไยเกรดรองในการสร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ ไซรัปลำไย ชาลำไยแบบถุงดริป พร้อมสนับสนุนให้ใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออกไปอาเซียนและจีน ซึ่งนิยมบริโภคลำไยของไทย และได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าให้กับสินค้าลำไยสดจากไทยแล้ว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ก.ย. 2566 เวลา : 20:20:01
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 2:36 am