แฟชั่น-เดินทาง-กินดื่ม-เที่ยว
ไปรษณีย์ไทยเปิด 10 ที่สุดแห่งความเป็นไปรษณีย์กลางบางรัก พร้อม 10 สตอรี่ที่ทุกคนต้องไม่พลาดทำคอนเทนต์ในปี 2023 นี้


ใครว่าซอฟต์พาวเวอร์ไทยมีแค่ 5F เพราะในความเป็นจริงแล้วประเทศไทยยังมีจุดขายทางวัฒนธรรมอีกหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจคือสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้าง ทั้งที่เป็นของดั้งเดิมและปลูกสร้างใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตึก อาคาร สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสวยงามแทบทั้งสิ้น โดยอาคาร แห่งหนึ่งที่ถือเป็นแลนด์มาร์กสุดคลาสสิกและมีเสน่ห์ ได้รับความนิยมจากผู้คนทุกกลุ่มก็คือ “อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก” สถาปัตย์ที่เจิดจรัสอยู่บนย่านเจริญกรุง ซึ่งภาพจำของคนทั่วไปอาจจะเป็นอาคารที่ได้รับความนิยมในการถ่ายภาพ หรือทำคอนเทนต์ แต่ในความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่าสถานที่ แห่งนี้มีอะไรดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ และยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในมิติสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ด้านการสื่อสารของคนไทย ซึ่งไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยอาคารแห่งนี้ก็ไม่เคยถูกมองว่าเชย หรือเลือนหายไปกับกาลเวลา และวันนี้เราจะไปดูกันว่าอะไรที่ทำให้คนชื่นชอบไปรษณีย์กลางบางรักจากวันแรกจนถึงวันนี้ รวมถึงของดีที่ทุกคนควรจะต้องไปดู ไปรู้ให้ได้สักครั้งหนึ่ง..
 
 
 
จุดเริ่มต้นกิจการไปรษณีย์ไทย

ถ้าใครอยากรู้ว่าต้นกำเนิดของไปรษณีย์ไทยเป็นอย่างไร สิ่งแรกที่ไม่อยากให้พลาดก็คือด้านหน้า ของอาคารไปรษณีย์กลาง ที่มีพระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษี สว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขพระองค์แรก โดยนอกจากจะเป็นผู้ทรงวางรากฐานระบบไปรษณีย์แล้ว ยังทรงริเริ่มระบบตั๋วแสตมป์เพื่อเป็นค่าฝากส่ง และยังทรงเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า “โพสต์แมน” ก่อนจะมาเป็น “บุรุษไปรษณีย์” หรือที่ปัจจุบันรู้จักกันว่า “พี่ไปรฯ” ในทุกวันนี้
 
 
 
ที่ทำการที่สวยที่สุดในประเทศ

ไปรษณีย์กลางบางรัก มีความพิเศษที่ซ่อนอยู่ในอาคารมากมาย ตั้งแต่การออกแบบอาคาร สไตล์อาร์ตเดโค ความตระการตาของประตูทางเข้าที่เป็นเหล็กหล่อประดับตราสัญลักษณ์ครุฑยุดแตรงอน เส้นสายที่เรียบง่ายและอาคารทรงเรขาคณิต สื่อถึงความหนักแน่นแข็งแรง ภายในโถงตึกไม่มีเสาเลยสักต้นเดียว ถือเป็นตึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพสมัยนั้นที่เปี่ยมด้วยไปด้วยพลังและความสง่างาม เครื่องแบบ ของพนักงานที่มีการออกแบบในลักษณะร่วมสมัยและเข้ากับบรรยากาศของที่ทำการแบบไม่มีที่อื่น ในประเทศ ในส่วนของเคาน์เตอร์ก็ได้มีการจำลองแบบของประตูประดับมาไว้ด้านหลัง ส่วนด้านนอกของอาคารก็มีความสวยงามตามฉบับศิลปะอาร์ตเดโคที่นำความเป็นตะวันตกยกมาไว้ ณ ที่แห่งนี้แบบลงตัว
 
ประติมากรรมนูนต่ำหนึ่งเดียวในโลก

 
นอกจากความสวยงามจากการออกแบบแล้ว สิ่งต่อมาที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมก็คืองานประติมากรรมภาพแสตมป์นูนต่ำจำนวน 8 ชิ้น ที่ประดับผนังห้องโถงไปรษณีย์นฤมิตทั้งสี่ด้านของอาคาร และอีก 1 ชิ้น ถูกค้นพบภายหลังจึงนำไปประดับที่โถงบันได โดยเป็นผลงานที่ออกแบบโดยบิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยไทยอย่างศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี โดยผลงานที่ประดับในอาคารเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนในเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าถึงยุคสมัยของกิจการไปรษณีย์โทรเลขตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่าหาชมที่ไหนไม่ได้บนโลกแน่นอน

 
จินตนาการไปกับอดีตกับภาพที่ยังมีชีวิต

ความน่าสนใจที่นอกเหนือไปจากประติมากรรม ก็คือภาพเก่าที่จัดแสดงอยู่ภายในอาคาร บริเวณชั้น 3 ที่ไม่มีเผยแพร่ที่ไหน โดยภาพทุกภาพต้องบอกว่ายังเสมือนมีชีวิต ซ่อนเรื่องราวสำคัญต่างๆ ไว้มากมาย เช่น ภาพแบบร่างอาคารที่ไม่ได้สร้าง ก่อนที่จะมาเป็นอาคารในรูปแบบปัจจุบัน ภาพการทำงานของไปรษณีย์ไทยและบุรุษไปรษณีย์ในอดีต อีกทั้งยังมีภาพที่ทำการไปรษณีย์ที่สำคัญที่เคยใช้อำนวย ความสะดวกให้กับผู้คน ความรุ่งเรืองของกิจการที่ยังคงส่งต่อมาจนถึงปัจจุบัน บอกเลยว่านี่คืออีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

ครุฑยุดแตรงอน ศิลปะแห่งงานปั้น และความอัศจรรย์เหนือกาลเวลา
 
 
 
ใครมีแพลนจะไปเก็บภาพที่ไปรษณีย์กลางบางรัก แล้วไม่ได้ขึ้นไปบนจุดสูงสุดของอาคารต้องบอกว่าเหมือนมาไม่ถึง เพราะบนดาดฟ้าของอาคารคือที่ที่เราจะได้พบกับความอันซีนของรูปปั้นครุฑยุดแตรงอนขนาดใหญ่ 3 เท่าของคนจริง โดยรูปปั้นนี้เคยเป็นสัญลักษณ์ของกรมไปรษณีย์โทรเลข มีลักษณะกายวิภาคด้วยท่ากางปีกที่ดูมีพละกำลัง กำยำ น่าเกรงขาม แตกต่างจากครุฑที่เห็นทั่วไป ที่ไม่ได้มีลวดลายอ่อนช้อย ซึ่งใครที่เคยเก็บภาพกับองค์พญาครุฑจะทราบดีว่า ภาพที่ถ่ายออกมานั้นดูทันสมัยแบบศิลปะสมัยใหม่ ยิ่งถ่ายในช่วงเวลาเย็นนั้นภาพที่จะออกมาสวยงามเป็นพิเศษ โดยนอกจากความงามทางศิลปะยังมีความเชื่อกันอีกว่าพญาครุฑ 2 องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีเรื่องเล่ากันว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาคารไปรษณีย์กลาง เป็นที่ที่ใกล้การทิ้งระเบิดโดยฝ่ายสัมพันธมิตรแต่กลับได้รับความปลอดภัย ซึ่งชาวบ้านร่ำลือกันว่า เห็นพญาครุฑ 2 องค์ที่อยู่หน้าตึกบินไปปัดลูกระเบิดนั่นเอง

เหนือกว่าพื้นที่ส่งจดหมาย และศิลปะตามสไตล์ Beyond Logistics

 
ใช่ว่าคำว่าไปรษณีย์จะเป็นคีย์เวิร์ดที่จำกัดแค่เรื่องการส่งเท่านั้น จากชุมทางระบบสื่อสารไทย ที่รุ่งเรืองในอดีต ในการเป็นศูนย์กลางการรับ คัดแยก และส่งต่อสิ่งของทางไปรษณีย์แล้ว ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากอาคารที่มีคุณค่าทางศิลปะให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยภายในนอกจากจะมีเคาน์เตอร์บริการแล้ว ฝั่งใต้ของอาคารยังเป็นที่ตั้งของศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ หรือ TCDC สำหรับคนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในด้านงานอาร์ต การต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ และผลงานการดีไซน์เจ๋ง ๆ ของคนไทย มีโรงละครสุดคลาสสิคที่รองรับการจัดประชุม การแสดงแขนงต่างๆ ตลอดจนมีห้องโถง พื้นที่ส่วนกลาง ดาดฟ้าที่ทุกคนสามารถเอ็นจอยกับการถ่ายรูปได้แบบไม่รู้จบเลยทีเดียว

ไปรษณีย์กลางกับห้องแห่งความ (ไม่) ลับ

 
น้อยคนที่จะรู้ว่าที่ไปรษณีย์กลางก็มีพิกัดลับอยู่กับเค้าด้วย โดยมีสองจุดไฮไลต์ที่เรียกได้ว่าควรค่าแก่การเข้าถึง ซึ่งที่แรกคือห้องใต้ดิน อาคารชั้นล่างของตึกไปรษณีย์กลางที่เป็นชั้นต่ำกว่าระดับพื้นดิน มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง กว่า 1,500 ตารางเมตร นับเป็นห้องใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้น ในอดีตเมื่อแรกสร้างใช้สำหรับเก็บสิ่งของและงานบางอย่าง ต่อมาใช้เป็นคลังเก็บตราไปรษณียากร และภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2485 ห้องใต้ดินก็ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป มาในพ.ศ. 2555 เมื่อมีการปรับปรุงตึกไปรษณีย์กลางครั้งใหญ่ ได้ปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้สำหรับจัดนิทรรศการ และกิจกรรมต่าง ๆ ส่วนอีกที่คือ ลิฟต์ดั้งเดิม เป็นลิฟต์ที่ออกแบบก่อสร้างมาพร้อมกับการก่อสร้างอาคารไปรษณีย์กลางเมื่อ พ.ศ. 2478 ติดตั้งอยู่บริเวณเชิงบันไดขึ้นอาคารชั้น 2 และชั้น 3 เป็นลิฟต์ยี่ห้อชินด์เด่อร์ที่สั่งเข้ามาจากเยอรมนี มีประตูชั้นนอกเป็นไม้ยืดแบบอาคารพาณิชย์รุ่นเก่า ส่วนตัวลิฟต์มีประตูบานเหล็กทึบแบบบานเลื่อน ด้านบนภายนอกมีหน้าปัดครึ่งวงกลม แสดงการขึ้นลงของลิฟต์ ภายหลังการบูรณะอาคารไปรษณีย์กลางครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2555 ได้ปิดใช้งานลิฟต์ดังกล่าว โดยไปติดตั้งลิฟต์ที่ปีกอาคารทั้งสองด้าน และได้อนุรักษ์ ช่องปุ่มเรียกลิฟต์เดิมไว้เป็นประวัติศาสตร์

“ไปรษณีย์กลาง” รอยต่อร้านอร่อย

 
อีกเหตุผลที่ต้องไปไปรษณีย์กลางคือ ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ใกล้ร้านอร่อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะ อิ่มใจกับคอนเทนท์ในอาคารแล้วทุกคนยังสามาถอิ่มท้องไปกับร้านอาหารระดับตำนานที่อยู่โดยรอบไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมฮงฮวด ของหวานสูตรโบราณที่ขายมานานกว่า 80 ปี เติบโตเคียงคู่มากับไปรษณีย์กลางบางรัก ชิมเมนูแกงเขียวหวานที่ทานคู่กับโรตี ร้านฮาร์โมนิค หรือหากอยากจะจัดเครื่องดื่มอร่อยชื่นใจ ก็เพียงข้ามไปที่ฝั่งตรงข้ามกับร้านมาดิ และยังมีร้านอื่น ๆ เช่น วัวทองโภชนาสำหรับคนรักเนื้อและอาหารสไตล์จีน ข้าวหมูแดงหมูกรอบบ้านบางรัก เป็นต้น

ไปรษณีย์กลางยามเย็น พื้นที่เที่ยวเล่น และบรรยากาศที่เป็นใจ

ใครที่เที่ยวชมภายในอาคารชนิดที่ว่าครบแล้วแต่อยากให้ครบยิ่งกว่า ในช่วงเวลาเย็นบริเวณหน้าอาคารจะมีการเปิดไฟประดับหลากสีสัน สาดส่องขึ้นบนอาคาร ให้ความสวยงามอีกอารมณ์ แปลกแตกต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง เป็นจุดเช็กอินยอดฮิตที่ใครต่อใครพากันมาแวะเวียนไม่ขาดสาย หรือหากใครอยากเห็นและเก็บบรรยากาศตอนเย็นให้ได้ยิ่งกว่าตัวอาคาร ที่นี่ยังมีริมน้ำซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับใช้สัญจรจริงหลังอาคารบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยายามพลบค่ำ และบรรยากาศนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าในยามราตรี

 
Grand Postal Building สมชื่อตำนานแห่งความแกรนด์ สู่ความแกรนด์ยิ่งกว่าในงาน POSTiverse

ด้วยชื่อ Grand Postal Building จึงทำให้ที่แห่งนี้มีการจัดงานใหญ่ๆ แกรนด์ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานระดับโลก งานระดับชาติ หรืองานแฟชั่นโชว์ก็ผ่านการอวดโฉมสู่สายตาคนไทยมาแล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะในปลายปีนี้ที่จะมีการใช้ไปรษณีย์กลางจัดอีเว้นท์ใหญ่ระดับโลกอย่างการจัดงานแสดง ตราไปรษณียากรโลก 2566 และปิดพื้นที่อวดโฉมความสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์และย่านเจริญกรุง รวมถึงการฉลองครบรอบ 140 ปีกิจการไปรษณีย์ไทยและส่งพลังความสุขให้กับคนไทย โดยเตรียมตัวพบกับไฮไลท์สำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “เจ้าฟ้านักสะสม” จำลองพิพิธภัณฑ์ ตราไปรษณียากรส่วนพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แสตมป์ที่แพงที่สุดในโลก และเอเชีย สิ่งสะสมสุดพิเศษจากนักออกแบบชื่อดัง และศิลปินกลุ่ม Art Toy มินิคอนเสิร์ตจากวงดนตรี New Gen และศิลปินรุ่นใหม่ รวมร้านเด็ดจากทุกตรอกซอกซอยสำหรับสายกิน อีกทั้งยังมีมุมถ่ายภาพทำคอนเทนต์สุดเก๋ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พ.ย. ถึง 3 ธ.ค. 2566 สุข สร้างสรรค์ ตระการตาตลอดทั้ง 7 วันส่งท้ายปี

ใครที่รู้จักไปรษณีย์กลางบางรักจากชื่อ หรือคอนเทนต์ ขอบอกเลยว่าครั้งหนึ่งควรมาสัมผัสให้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ความภูมิใจในฐานะกิจการของชาติ และความสวยงามร่วมสมัย อีกทั้งยังมีความเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ที่มีเรื่องราวอันเป็นอมตะ ประเมินค่าไม่ได้ แต่จับต้องได้กับทุกความสุข ทุกเรื่องราว ที่ไปรษณีย์ไทยได้คอยส่งต่อให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th

เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post

ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post

ติ๊กต็อก : @thailandpostchannel

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ต.ค. 2566 เวลา : 15:36:27
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 1:37 pm