การค้า-อุตสาหกรรม
สศก. ลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์มันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน ปี 2566/67 ระบุ ผลผลิตลด เหตุกระทบแล้งและน้ำท่วม ด้านราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี


นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้ามันสำปะหลังและอ้อยโรงงาน ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และ จังหวัดสระแก้ว ระหว่างวันที่ 21 – 26 มกราคม 2567 ซึ่งจากการลงพื้นที่ของ สศก. โดยทีมสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร พบว่า

 
 
สินค้ามันสำปะหลัง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นแหล่งปลูกมันสำปะหลังอันดับ 6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นแหล่งรวบรวมผลผลิตมันสำปะหลังจากจังหวัดต่างๆ โดยในปี 2566/67 (ข้อมูลศูนย์สารสนเทศการเกษตร ณ ตุลาคม 2566) มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 0.288 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจาก 0.281 ล้านไร่ ในปี 2565/66 ร้อยละ 2.49 เนื่องจากไม่ประสบอุทกภัยหรือฝนตกชุกเหมือนปีที่ผ่านมา สำหรับผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ ปี 2566/67 มีผลผลิต 0.972 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,374 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ที่มีผลผลิต 1.043 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,712 กิโลกรัม หรือลดลงร้อยละ 6.81 และร้อยละ 9.10 ตามลำดับ เนื่องจากช่วงปลูกมันสำปะหลังประสบภาวะแล้งตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนพฤษภาคม 2566 ทำให้ต้นมันสำปะหลังโรงงานเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอนางรอง อำเภอปะคำ และอำเภอโนนสุวรรณ เกษตรกรนิยมปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ระยอง 72 เกษตรศาสตร์ 50 ห้วยบง 80 และห้วยบง 60 เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งและผลผลิตต่อไร่สูง และเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังเมื่อครบอายุ 8 - 12 เดือน โดยราคารับซื้อมันสำปะหลังคละ ณ เดือนมกราคม 2567 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.10 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 2.62 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 
 
จังหวัดสระแก้ว เป็นแหล่งปลูกอันดับ 1 ของภาคตะวันออก และเป็นช่องทางการค้ามันสำปะหลังชายแดน ไทย - กัมพูชาที่สำคัญ โดยปี 2566/67 (ข้อมูลศูนย์สารสนเทศการเกษตร ณ ตุลาคม 2566) มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 0.221 ล้านไร่ ผลผลิต 0.648 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 2,928 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ที่มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 0.252 ล้านไร่ ผลผลิต 0.779 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3,096 กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 12.30 ร้อยละ 16.82 และร้อยละ 5.43 ตามลำดับ เนื่องจากเนื้อที่เก็บเกี่ยวมันสำปะหลังประสบปัญหาภัยแล้งช่วงต้นปี 2566 ทำให้ขาดแคลนท่อนพันธุ์สำหรับการเพาะปลูก ท่อนพันธุ์มีราคาสูง เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกอ้อยและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงส่งผลให้เนื้อที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ลดลงจากปีเพาะปลูก 2565/66 ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่า พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอตาพระยา อำเภอวัฒนานคร และอำเภอเมือง เกษตรกรนิยมปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ เกษตรศาสตร์ 50 และระยอง 72 และจะเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังเมื่ออายุครบ 8 – 10 เดือน โดยราคารับซื้อมันสำปะหลังคละ ณ เดือนมกราคม 2567 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.15 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 2.63 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้านปัญหาหลักของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง คือ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทำให้เกษตรกรไม่สามารถตัดท่อนพันธุ์และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เนื่องจากเกษตรกรจะปลูกมันสำปะหลังทันทีหลังจากการเก็บเกี่ยว โดยก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต เกษตรกรจะตัดท่อนพันธุ์มันสำปะหลังก่อนและขุดมันสำปะหลังไปขาย เมื่อฝนเริ่มตกจึงนำท่อนพันธุ์ที่เตรียมไว้มาปลูก ดังนั้น เมื่อฝนทิ้งช่วงหรือฝนตกไม่ต่อเนื่อง ทิ้งระยะเวลานานเกิน 1 เดือน เกษตรกรมีความเสี่ยงต่อการหาท่อนพันธุ์มาปลูกซ้ำ ส่งผลให้ท่อนพันธุ์ขาดแคลน และมีราคาสูง โดยราคาพันธุ์มันสำปะหลังในปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้นจาก 1.0 - 1.4 บาทต่อลำ เป็น 4.0 - 4.5 บาทต่อลำ หรือเพิ่มขึ้น 3.2 - 4.0 เท่า นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา ส่วนปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลังยังคงปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกษตรกรได้แก้ไขปัญหาโรคใบด่างฯ ด้วยการปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นแทน เช่น อ้อยโรงงาน แล้วจึงกลับมาปลูกมันสำปะหลัง อีกครั้งหนึ่ง
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.พ. 2567 เวลา : 12:30:31
07-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 7, 2024, 11:01 pm