ประกัน
"อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย" ตั้งเป้าปี 67 เบี้ยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้าน ลุย "ประกันสุขภาพ" วางเป้าโต 17% พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจใหญ่


“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย” โชว์ความสำเร็จ สร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 66 ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง 6% เหนือตลาด เดินหน้าลุยเติบโตต่อ ชู“ประกันสุขภาพ” หัวหอกหลัก พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจใหญ่ สร้างประสบการณ์เหนือระดับให้ลูกค้า ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปี 67 แตะ 12,000 ล้านบาท เติบโต 17%

 
มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย เปิดเผยว่า ปี 2567 ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 12,000 ล้านบาท หรือเติบโต 17% โดยจะมีประกันสุขภาพเป็นประกันหลักที่จะนำเสนอขายในปีนี้ ซึ่งคาดว่าประกันสุขภาพจะเติบโตมากกว่า 17%

“มั่นใจว่าปี 67 จะเป็นปีที่ยอดเยี่ยมต่อเนื่องสำหรับธุรกิจของบริษัท ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัยระดับโลก ประกอบกับโซลูชั่นที่ครบวงจรตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบครัน และทีมงานคุณภาพสูงจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างงดงาม โดยตั้งเป้าเบี้ึยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้“ มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าว
 

 
มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าวต่อไปว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2567 ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ประกอบด้วย

1. ช่องทางขายตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยโซลูชั่นด้านการประกันภัยที่ครบวงจร ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายย่อย หรือ บุคคล (Retail) ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสุขภาพ คุ้มครองทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ และ วินาศภัยต่างๆ ลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) ด้วยผลิตภัณฑ์คุ้มครองการดำเนินธุรกิจ ทั้งทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ หรือ แม้แต่คุ้มครองการหยุดชะงักของรายได้หากเกิดภัยใดใด และล่าสุดที่ถือเป็นตลาดใหญ่ที่อลิอันซ์เดินหน้ามุ่งเน้นในปีนี้ คือ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจใหญ่ (Commercial) ที่เป็นตลาดที่อลิอันซ์มีความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน ควบคู่กับความแข็งแกร่งในสถานะการเงินที่สามารถให้ความมั่นคงดูแลความเสี่ยงในธุรกิจกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โครงการสาธารณูปโภคระดับชาติ ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยความรับผิดบุคคลภายนอก

 
2. สร้างแพลตฟอร์มธุรกิจที่ส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ลูกค้า ด้วยการสร้างแพลทฟอร์มดิจิทัลที่ทันสมัยให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว ใช้งานง่าย และเหนือความคาดหมายของลูกค้า ซึ่งจากการวัดผลตลอดปีที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ได้คะแนน NPS Score สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทประกันภัยในประเทศไทย และ ได้คะแนนความพึงพอใจจากเสียงของลูกค้าที่ใช้บริการ อยู่ที่ 4.8 คะแนน จาก 5 ซึ่งถือว่าสูงมาก พิสูจน์ถึงความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ที่จะยังคงเดินหน้าต่อยอดสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 
3. สร้างองค์กรแห่งความเป็นเลิศ ทั้งในด้านการพัฒนาความเป็นมืออาชีพของพนักงาน และการสร้างการมีส่วนร่วม และความผูกพันกับองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มอลิอันซ์ให้ความสำคัญมาก โดยมีกิจกรรมที่สร้างความผูกพันให้กับพนักงานทุกรุ่น เช่น Staff Party กิจกรรมตามโอกาสพิเศษต่างๆ พร้อมสวัสดิการที่ช่วยสร้างความสุขให้พนักงานทั้งกายและใจ สิ่งเหล่านี้ทำให้อลิอันซ์เป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเซีย 3 ปีซ้อน จัดอันดับโดย HR Asia
 

 
สำหรับปีที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างสถิติใหม่ในการเติบโตถึง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่กว่า 10,000 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเติบโต 14% เบี้ยประกันมูลค่า 3,200 ล้านบาท ประกันรถยนต์เติบโต 3% เบี้ยประกันมูลค่า 3,300 ล้านบาท และประกันวินาศภัยและทรัพย์สินอื่นๆ เติบโต 5% เบี้ยประกันมูลค่า 3,500 ล้านบาท นอกจากนั้น ปีที่ผ่านมายังเป็นปีที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานสูงกว่า 500 ล้านบาท ความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง การริเริ่มนวัตกรรมและโครงการใหม่ ที่ประสบความสำเร็จช่วยสนับสนุนการเติบโตเป็นอย่างมาก อาทิ ผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพที่สามารถเข้าถึงลูกค้าทุกเพศทุกวัยได้ดียิ่งขึ้น การพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้บริการลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเข้าซื้อกิจการ เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ นอกจากนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์อลิอันซ์ ที่ได้รับการจัดอันดับจากอินเตอร์แบรนด์ ให้เป็นแบรนด์ประกันภัยอันดับหนึ่งของโลก ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้เราเป็นผู้ดูแลและบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ผลักดันให้เกิดการเติบโตของธุรกิจอลิอันซ์อย่างต่อเนื่อง

 
“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย มุ่งมั่นที่จะเติบโตแบบยั่งยืน เราจะไม่แข่งขันตัดราคากับใคร โดยเฉพาะ Motor ที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง และมีความเสี่ยงภัยสูงเช่นกัน ซึ่งเราไม่โฟกัส Motor สำคัญที่สุด แต่ก็ยังอยู่ในพอร์ตต่อไป ซึ่งมีสัดส่วนเบี้ยประมาณ 20% ของเบี้ยทั้งหมด ซึ่งเราก็รักษาสัดส่วนนี้ไว้ ให้บริการลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตต่อไป แต่โอกาสที่แท้จริง อยู่ที่ Non-Motor และ Health ซึ่งเราตั้งใจเติบโต Health  และ Commercial เรามองว่าพอ Commercial โต จะดันพอร์ต Non-Motor ให้เติบโตขึ้นอีก ถึง 35-38% ของพอร์ตทั้งหมด เช่นเดียวกับพอร์ต Health ก็จะอยู่ที่ 35-38% เช่นเดียวกัน 
 
 
ส่วนภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ต่างประเทศมักจะเกิดขึ้นบ่อย ส่วนประเทศไทยแม้ยังไม่เกิดเท่าต่างประเทศ แต่ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ภัณฑ์ประกันความคุ้มครองภัยพิบัติทางธรรมชาติให้กับลูกค้าได้“ มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าว

 
มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าวต่อไปว่า Health จุดเด่นอยู่ที่ การให้บริการ และโปรดักส์ใหม่ๆ ซึ่งอีกประมาณ 2 สัปดาห์ จะออกโปรดักส์ใหม่ในส่วนของ Health เป็นการจับกลุ่มลูกค้ากลางๆ จากปีที่แล้วออกโปรดักส์แบบ Mass จับกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก

 
ส่วนเรื่องการให้บริการ จากการยกระดับแพลทฟอร์มออนไลน์ส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าเหนือระดับ ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงถึง 29.6 คะแนน ขณะที่ค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 22.1 คะแนน ส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมีความพึงพอใจแค่ไหน คะแนนก็สูงอยู่ที่ 4.8 คะแนน ซึ่งถ้าพนักงานคนไหนได้คะแนนที่ระดับ 3 จาก 5 จะมีหน่วยงานของบริษัทโทรเข้าไปสอบถามพนักงานคนนั้นทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมได้คะแนนความพึงพอใจน้อย เพื่อให้พนักงานทำการปรับปรุงตัวเองในเรื่องการบริการ เพราะบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องการบริการมากที่สุด

 
ส่วนการเข้าซื้อกิจการของ เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ ที่ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ได้พอร์ตลูกค้าประกันสุขภาพมา ลูกค้าก็ยังอยู่กับเรา และเราก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมานำเสนออย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้น ซึ่งถือว่าการซื้อเอ็ทน่าเป็นโอกาสเติบโตของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย แต่ทั้งนี้เราต้องมีการบริหารพอร์ตที่สมดุล ทำให้ควบคุมอัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ได้ดี เพื่อให้เราเติบโตแบบยั่งยืน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 มี.ค. 2567 เวลา : 17:13:57
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 9:25 am