การค้า-อุตสาหกรรม
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "วัดพลังอีกครั้งจุดสูงเดิม 1395 - 1400 จุด"



SET ยังได้ปัจจัยหนุนจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคดูยังเป็นลบ ทำให้ต้องติดตามการปรับตัวขึ้นหาบริเวณแนวต้านสำคัญจุดสูงเดิม 1395-1400 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 ในการคง ดบ. ที่ระดับ 5.25% สอดคล้องกับตลาดคาด ซึ่งถือเป็นการตรึง ดบ. ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 หลังจากที่ได้ปรับขึ้น ดบ. ติดต่อกัน 14 ครั้ง นอกจากนี้ คกก. ยังระบุว่า ศก. อังกฤษกำลังปรับตัวในทิศทางที่เหมาะสมในการปรับลด ดบ.

• ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ มี.ค. ปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ 2.1 แสนรายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตลาดคาด

• CEO ของบริษัทคูเวต ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชัน ระบุวิกฤตการณ์ในทะเลแดง อาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเรือบรรทุกน้ำมันทั่วโลก หากวิกฤตดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปอีก 6 เดือน

• หุ้นแอปเปิ้ลปรับลง 4.1%DoD หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศฟ้องบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ ผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟนจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น และบริษัทคู่แข่ง

• การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 67 ของสภาผู้แทนฯ วันนี้เป็นวันสุดท้าย จากนั้นที่ประชุมจะลงมติวาระ 2-3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อในวันที่ 26 มี.ค.

• โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุอีซูซุ มอเตอร์ส วางแผนที่จะผลิตรถปิกอัพไฟฟ้าต้นแบบจากฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งออกในปี 2568 โดยจะใช้เงินลงทุน 2.4 แสนลบ. ในด้านการวิจัยและพัฒนาภายในปี 2573

• วานนี้ราคาหุ้น MBK ปรับขึ้น 16%DoD หลังมีข่าวสยามพิวรรธน์ (MBK ถือหุ้น 49%) กำลังพิจารณาจะเสนอขาย IPO ราว 1.7-2.6 หมื่นลบ. เพื่อระดมทุนเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหุ้นไทย

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องและลุ้นกลับมายืนเหนือ 1400 จุด โดยในประเทศจะมีความคาดหวังต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ ขณะที่ต่างประเทศการประชุมนโยบายการเงินของ FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด พร้อมเปิดเผย Dot Plot ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปี 2567 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องและลุ้นกลับมายืนเหนือ 1400 หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายและส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ตามตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) หุ้นเก็งกำไรจากราคาหุ้น Laggard, มีแนวโน้มจ่ายปันผลดีและให้ Div. payout ratio เพิ่มขึ้น และมีโอกาสซื้อขายด้วย PER Multiple สูงขึ้น เลือก กลุ่มแบงก์ (BBL KBANK) กลุ่มอสังหา (AP) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC)

2) หุ้นเก็งกำไรเชิงเทคนิคหลังราคหุ้น Breakout Downtrend และเริ่มเห็น NVDR พลิกกลับมา Net Buy ในเดือน มี.ค. เลือก IVL GULF BDMS 

3) หุ้นเก็งกำไรจากคาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการผลิต (โดยเฉพาะจีน) และผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับ Top Pick 2Q67 เลือก AOT GFPT GULF KCE SCGP 

4) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA หลังราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง เลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC

DAILY TOP PICKS

KCE มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กำไรจะเติบโตแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม โดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 32%YoY จากการเติบโตที่ดีของ EV และเริ่มบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น ขณะที่ valuation น่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 2567 เพียง 21.1 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -1SD ของ PE mean

AMATA มองได้อานิสงส์จากการลงทุน FDI ของไทยที่จะเพิ่มขึ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ Semiconductors และ EV related ทั้งจากการลงทุนจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน โดยปี 2567 คาดยอดขายที่ดินยังอยู่ในระดับสูงและหนุนให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.26 พันลบ. เติบโต 17.6%YoY
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 มี.ค. 2567 เวลา : 11:20:18
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 5:19 am