แบงก์-นอนแบงก์
เอ็มดี ธอส.รับลูก รมช.คลัง ขยายวงเงิน Happy Home อีก 1 หมื่นล้าน ให้ของขวัญปชช.ช่วงสงกรานต์ พร้อมปล่อยกู้กลุ่มเปราะบาง


 
“กฤษฎา” รมช.คลัง มอบหมาย ธอส.จัดของขวัญให้ประชาชนช่วงสงกรานต์ พร้อมปล่อยกู้กลุ่มเปราะบาง ในโอกาสตรวจเยี่ยม ธอส. พร้อมร่วมสังเกตการณ์ลูกค้ายื่นกู้ “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” หลังรับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท ด้าน เอ็มดี ธอส. รับลูกเตรียมขยายวงเงิน Happy Home อีก 10,000 ล้านบาท

 
 
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมติดตามผลการดำเนินงานโครงการตามนโยบายรัฐบาลของ ธอส. โดยมี นายอัครุตม์ สนธยานนท์ ประธานกรรมการ และคณะกรรมการธนาคาร นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับและร่วมรับฟังนโยบาย ในวันนี้ (11 เม.ย.67) ว่า ได้มอบหมายให้ ธอส. จัดหามาตรการเพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย โดยขยายกรอบวงเงินโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home อีก 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมในการผ่อนปรนเงื่อนไขให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
 

 
นอกจากนี้ นายกฤษฎากล่าวแสดงความมั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลเพิ่งออกมาล่าสุด จะส่งดีต่อประชาชนอย่างมาก แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ผ่อนคลายเกณฑ์มาตรการ LTV หรือ Loan to Value Ratio ให้ แต่ยืนยันจะไม่กระทบกับมาตรการที่รัฐบาลออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งเข้าใจว่า ธปท.เองคงมีเหตุผลในฐานะผู้กำกับดูแล ที่จะควบคุมการก่อหนี้จนเกินตัวของประชาชน แต่ในมุมของกระทรวงการคลังก็ต้องการช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน และมองว่า ธอส.เองก็มีเงินกันสำรองหนี้เสียในสัดส่วนที่สูง และยังได้เตรียมความพร้อมรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ไว้แล้วด้วย
 
“ธอส.เป็นเด็กดีของแบงก์ชาติ ผมบอกดื้อบ้างก็ได้น่ะ ผ่อนคลายได้บางเกณฑ์ เพื่อจะได้ช่วยประชาชนให้มีบ้านได้มากที่สุด”รมช.คลังกล่าว

 
นายกฤษฎากล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่ผ่านมา ธอส. และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐก็ตรึงอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่องและไม่ให้เป็นภาระที่มากขึ้น และยังเชื่อว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ในส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) หรือ JVAMC รมช.คลังกล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารออมสิน ที่มีลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก และเป็นตัวหลักในการจัดตั้ง AMC กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอยู่ 3-4 ราย โดยคาดว่า วันที่ 17 เม.ย.นี้ ธนาคารออมสินจะมีการเปิดแถลงข่าวความคืบหน้าในการจัดตั้ง AMC แต่ในส่วนของ ธอส.คงไม่ได้มีการจัดตั้ง เพราะปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ ธอส. ไม่ได้มากนัก ขณะที่ธนาคารออมสินที่ดำเนินการจัดตั้ง AMC เพราะมีสัดส่วนลูกค้ารายย่อยเยอะและตั้งใจจะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งตรงตามนโยบายรัฐบาล แต่ยืนยันการโอนหนี้หรือขายหนี้ NPL ไม่ใช่การเล่นที่ตัวเลข เพื่อให้หนี้ครัวเรือนลดลงอย่างฮวบฮาบ เพราะ AMC ที่ซื้อหนี้ไปก็ต้องไปบริหารจัดการหนี้ก้อนนั้นก่อนให้เป็นสินทรัพย์ที่ดี และการจัดตั้ง AMC ไม่ได้ต้องการกำไร แต่ต้องการแก้หนี้รายย่อย ซึ่งเป็นแนวทางการปฎิบัติงานของธนาคารออมสินในการช่วยเหลือสังคม

 
ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ของขวัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมอบให้กับลูกค้าใหม่เพื่อให้เข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้น ล่าสุด ได้ออกโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะเต็มในเร็วๆ นี้ ดังนั้น มีแผนขยายวงเงินเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท เพื่อมอบเป็นของขวัญในช่วงสงกรานต์ ส่วนลูกค้าเดิมอยู่ระหว่างการพิจารณาหามาตรการ

นายกมลภพกล่าวยอมรับว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ผ่านมา ทำให้มีลูกค้าถูกจัดชั้นอยู่ในกลุ่มเปราะบาง และมีข้อจำกัดในการชำระหนี้ ส่งผลให้ระดับ NPL ของธอส.สูงขึ้นมาอยู่ที่ 4.8% จาก 3.8% เมื่อสิ้นปี 2566 ซึ่งยอมรับว่าสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม จากนี้จนถึงสิ้นปี 2567 จะรักษาระดับ NPL ให้ไม่เกิน 4.8%

 
“เหตุผลที่ NPL เพิ่มขึ้นอีก 1% มาจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ยั่งยืนของ ธปท. สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธอส. ก็ตรึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงได้จัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งตัวเลขจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน เม.ย.67 ส่วนเรื่องเกณฑ์ LTV ผมมองว่าทั้งกระทรวงคลังและธปท. ต่างมีเหตุผล ซึ่งในส่วนของธอส.ก็มีการปรับเกณฑ์สินเชื่อ ที่มีเกณฑ์ LTV 85-100% ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น” กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าว

นายกมลภพกล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ ธอส.ในไตรมาส 1 ปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมาย มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ 32,000 ล้านบาท และคาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อใหม่จะเพิ่มขึ้นอีก จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ รวมถึงโครงการสินเชื่อต่างๆ ที่ธนาคารดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาล และจบสิ้นปีน่าจะมียอดสินเชื่อตามเป้าหมายที่ 242,544 ล้านบาท

 
นายกมลภพ กล่าวในตอนท้ายว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอด 70 ปีที่ผ่านมาได้สนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว ซึ่ง ธอส. ยังคงพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ในการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมการเพื่อรองรับการดำเนินการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก (Thailand Vision) โดยในส่วนของ ธอส. ได้มีการจัดทำ “โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home” เพี่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านการมีที่อยู่อาศัยของคนไทยให้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปีแรก เท่ากับ 3.00% ต่อปี, ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี, ปีที่ 8-9 เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี, ปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยเท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี ลูกค้าสวัสดิการเท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี) โดยหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 มีมติเห็นชอบจัดทำโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home โดย ธอส. ได้เปิดให้ลูกค้าที่สนใจรับรหัสเข้าร่วมโครงการ ผ่าน Mobile Application : GHB ALL GEN ล่าสุด ณ วันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 8.00 น. มีลูกค้ารับรหัสเข้าร่วมโครงการแล้ว 3,729 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนว่าลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อยู่เป็นจำนวนมาก 

 
“ด้วยลูกค้าให้การตอบรับ รับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง 5 ปีแรก ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถเลือกซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้ตามความต้องการมากขึ้น จากวงเงินในการขอสินเชื่อถึง 3 ล้านบาท มั่นใจว่าหลังจากนี้จะมีลูกค้าสนใจเข้าร่วมโครงการนี้อีกเป็นจำนวนมาก” นายกมลภพ กล่าว 

 
 
ทั้งนี้ ในโอกาสเดียวกัน นายกฤษฎา รมช.คลัง ยังได้ร่วมสังเกตการณ์ลูกค้าที่เข้ามายื่นขอสินเชื่อในโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ที่ ธอส. สำนักงานใหญ่ โดยได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวของรัฐบาลและ ธอส. กับลูกค้าด้วย 

 
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ผ่านทาง Mobile Application : GHB ALL GEN และรับรหัสตัวเลข 6 หลัก ทาง GHB Buddy บน Application Line เพื่อนำมาประกอบการยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือก่อนกำหนดระยะเวลาดังกล่าว หากธนาคารให้สินเชื่อเต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

LastUpdate 11/04/2567 17:49:53 โดย : Admin
30-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 30, 2024, 2:15 am