เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ทั่วโลกจับตา "Libra" อนาคตของสกุลเงินโลก


นายศรชัย สุเนต์ตา CFA ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ SCB Investment Advisory, CIO office กล่าวว่าหลังจากที่มีการประกาศข่าวใหญ่เมื่อวานนี้เกี่ยวกับการประกาศกำเนิดเกิดขึ้นของCryptocurrencyสกุลใหม่มีชื่อว่า“Libra”ที่จะเริ่มใช้ในต้นปีหน้านี้ 2020 ส่งผลให้สะเทือนถึงสถาบันการเงินทั่วทั้งโลกและเป็นที่จับตามองของธนาคารกลางทั่วปกติเราก็เห็นการเกิดขึ้นของเงินสกุล Digital ตั้งมากมายก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกใหม่เลย


ใช่ครับถ้าดูกันผิวๆจะเห็นได้ว่าไม่เห็นจะมีอะไรใหม่แต่ที่ผมว่าไม่ธรรดาก็คือการก่อกำเนิดขึ้นของ Libra จาก พ่อ แม่ ที่มีชื่อว่า Facebookและแถมยังมี ญาติพี่น้อง อีก 27 คนมาจับมือกันร่วมกันก่อกำเนิด ถ้าเราเห็นชื่อบริษัทที่ร่วมกันก่อตั้งแล้วแทบจะเรียกได้ว่าพี่บิ๊กๆทั้งนั้นเช่น Visa, MasterCard, Uber, PayPal, Spotify, eBay, Lyft, Vodafone และอีกหลายบริษัททั่วโลก เห็นไหมละแค่การเกิดก็ไม่ธรรมดาแล้วยิ่งกว่าเหล่า Avengers ทีมอีกนะ

 
 
 
 
 
คำถามต่อมาก็จะเอา Libra Cryptocurrency มาใช้ประโยชน์อะไรกันได้ล่ะ
เค้าบอกกันว่าจุดประสงค์เพื่อสร้างให้มีโครงสร้างระบบการเงินขั้นพื้นฐานที่ทุกคนๆในโลกนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายดายทุกคนและจะเป็นระบบทางการเงินที่มีต้นทุนต่อผู้ใช้ที่ถูกที่สุด แถมยังมีความปลอดภัยสูงสุดเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางเท่าที่เทคโนโลยีวันนี้จะมีได้ เช่นใช้ Technology Blockchain มาเป็นตัวกลาง

จะดีกว่าไหมที่ทุกๆคนบนโลกไม่จำเป็นต้องพกเงินสดเงินกระดาษที่อาจจะหาย ถูกขโมย หรือก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยหากพกพาติดตัวตลอดเวลา 
 
จะดีกว่าไหมถ้าคนบนโลกนี้อีกมากมายหลายพันล้านคนที่ไม่เคยเข้าถึงการเบิดบัญชีกับสถาบันการเงินได้เลย สามารถเข้าถึงระบบทางการเงินนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือว่ากันว่าบนโลกเรายังมีคนอีกหลายพันล้านคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือแต่ยังไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้และไม่เคยใช้ธุรกรรมทางการเงินใดๆเลยกับธนาคารครับ

การโอนเงินให้เพื่อน ญาติ พี่น้องที่อาศัยอยู่ต่างประเทศจะทำได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว เงินถึงผู้รับได้ทันทีที่กดโทรศัพท์มือถือ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆหรือถ้าจะมีก็ถูกมาก โดยเราไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมการโอนเงิน หรือไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมจากอัตราแลกเปลี่ยนใดๆให้เราต้องลุ้นว่าแพงไหม เช่นวันนี้ ราคาซื้อ ขาย เงินตราต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 3 - 5% ที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคาร และค่าโอนเงินก็เช่นเดียวกัน ได้แก่ โอนเงินผ่านระบบ Swift ของธนาคารจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ1,000 ถึง 1,500 บาทที่ผู้โอนจะต้องจ่าย นอกจากนั้นผู้รับโอนเงินปลายทางก็ต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารปลายทางอีกด้วย เช่นอีก 400 - 500 บาทต่อรายการ ถ้าคิดเลขแบบง่ายๆ โอนเงิน 1 แสนบาท หักไปหักมาเหลือถึงผู้รับ เพียง 93,000 บาท ในขณะที่ใช้ระบบ Digital Money Transfer อาจะไม่ต้องเสียอะไรเลย หรือเสียน้อยมากๆก็ได้ ดังนั้นผลดีคือผู้รับปลายทางน่าจะได้รับเงินแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ

ต่อไปการเดินทางไปต่างประเทศหรือการซื้อสินค้าและบริการต่างๆสามารถทำได้โดยใช้สกุลเงินเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องแลกเงินหรือถือเงินสด ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิตที่จะมีค่าธรรมเนียมที่แพงอยู่ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเป็นต้น การเดินทางขึ้นรถหรือการเดินทางโดยรถสาธารณะ การจ่ายค่ากาแฟ ต่าง ๆ ก็สามารถจ่ายผ่าน Digital Wallet ที่เก็บเงิน Digital ไว้ผ่านโทรศัพท์มือถือของเราอย่างง่ายดาย ไม่ว่าใครที่สามารถเข้าถึง Internet ได้ ก็สามารถใช้ระบบการเงินใหม่นี้ได้ด้วยเช่นกัน

แล้วถามว่าเงิน Digital สกุลนี้จะน่าเชื่อถือหรือไม่?
Cryptocurrencyโดยทั่วไปจะถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่มีสินทรัพย์อะไรมาสำรอง Backup เงินสกุลเหล่านั้นอยู่ข้างหลัง ดังนั้นที่ผ่านมาเราจะเห็นเงิน Cryptocurrency ผันผวนได้อย่างมาก ง่ายต่อการนำมาเก็งกำไร เพราะมูลค่าที่แท้จริงยังยากต่อการค้นหาแต่คนสร้าง เงินสกุล LIBRA ว่ากันว่าจะมีสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมา อาจจะเป็นเงินสกุลต่าง ๆ Fiat Money Bank Deposits Government Securities เป็นสิ่งที่สำรอง Backup ค่าเงิน Digital นี้ให้มีความมั่นคงน่าเชื่อถือ แบบนี้ก็จะเหมือนกับสมัยก่อนที่เงินดอลลาร์จะถูก Backup สำรองโดยมีทองคำกันเอาไว้ข้างหลังจึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์ ได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน สินค้าและบริการต่าง ๆ ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน

สิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้จะเป็น Disruptorตัวจริงที่มีทั้ง Technology, Resources และ Money สถาบันการเงินทั่วโลกจะต้องปรับตัวให้เร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์ของภาวะการแข่งขันครับดังนั้นควรจับตามองให้ดีครับ
 

LastUpdate 19/06/2562 14:32:30 โดย : Admin
27-04-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (26 เม.ย.67) ลบ 4.33 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,359.94 จุด

2. ประกาศ กปน.: 2 พ.ค. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนวิภาวดีรังสิต

3. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (26 เม.ย.67) ลบ 2.25 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,362.02 จุด

4. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 2,310 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,350 เหรียญ

5. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (26 เม.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์

6. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.90-37.15 บาท/ดอลลาร์

7. ทองปิดบวก $4.10 รับดอลล์อ่อน-แรงซื้อลดความเสี่ยง

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (26 เม.ย.67) บวก 0.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,364.95 จุด

9. ดาวโจนส์ปิดร่วง 375.12 จุดหลัง GDP สหรัฐชะลอตัว - เงินเฟ้อพุ่ง

10. ทองพุ่ง! ราคาทองวันนี้ 26/4/67 ครั้งที่ 1 เพิ่มขึ้น 100 บาท ทองคำแท่งขายออกบาทละ 40,850 บาท

11. ทั่วไทยอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาเซลเซียส ฟ้าหลัว ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง และลมกระโชกแรงตลอดช่วง

12. ตลาดหุ้นปิด (25 เม.ย.67) บวก 3.17 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,364.27 จุด

13. ประกาศ กปน.: 29 เม.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนบ้านบางไผ่-บ้านหนองเพรางาย

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (25 เม.ย.67) บวก 1.72 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,362.82 จุด

15. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำยังคงทรงตัวในกรอบเช่นเดิมระหว่าง 2,290-2,330 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 11:13 am