หุ้นทอง
เอเซียพลัส เปิดกลุ่มหุ้น"ได้-เสีย" ประโยชน์ หากกนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย


วันนี้ (6พ.ย.)ประเด็นที่ต้องจับตาใกล้ชิดก็คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบที่ 7 จาก 8 รอบ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส หรือASP เชื่อว่ากนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ 1 ครั้ง 25 bps มาที่ 1.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

 
 
 
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯจึงให้น้ำหนัก กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ เนื่องจาก 1. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2562-2563 ฟื้นตัวล่าช้า 2.เงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือนต.ค.ขยายตัว 0.11% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงหรือส่วนต่างระหว่างเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 1.5% ปรับกว้างขึ้นเป็น 1.39% เป็นช่องว่างในการปรับลดดอกเบี้ยลงได้ 3. ค่าเงินบาทยังแข็งค่า ล่าสุดแกว่งที่ 30.1-30.2 บาทต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปีแข็งค่าราว 8% แข็งค่ามากสุดในภูมิภาค จึงคาดหวังกนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยรอบนี้
 
 
 
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯมองว่าหากวันนี้กนง.ปรับลดดอกเบี้ยฯตามคาดเชื่อว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อค่าเงินบาทให้ชะลอการแข็งค่า ขณะที่ประเมินหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มเช่าซื้อ-ลิสซิ่ง เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่มีโครงสร้างสินเชื่อที่เป็นอัตราคงที่สูง (ยกเว้น IFS) ส่วนต้นทุนการกู้ยืมของกลุ่มส่วนใหญ่ เป็นหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมจากแบงก์ ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลงจะทำให้ต้นทุนของกลุ่มเช่าซื้อถูกลง โดยเฉพาะบริษัทที่มีสัดส่วนหนี้สินระยะสั้นต่อระยะยาวมากกว่ากลุ่ม ซึ่งสามารถปรับต้นทุนให้เหมาะสมได้มากกว่า ได้แก่ ASK, SAWAD, THANI
 
แต่เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้เกือบทั้งหมด ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ Switch ยกเว้น MTC ที่ฝ่ายวิจัยฯเตรียมปรับไปใช้ Fair value ปี 63 ที่ 71 บาท จะมี Upside 20% ซึ่ง MTC เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กมีโครงสร้างสินเชื่อที่เป็นดอกเบี้ยคงที่สูง แต่มีโครงสร้างเงินฝากบางส่วนเป็นดอกเบี้ยลอยตัว จึงเป็นบวกต่อ NIM  เช่น TCAP และ KKP 
 
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะทำให้อัตราการผ่อนชำระต่องวดของผู้กู้ที่อยู่อาศัยลดลง ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและได้ Sentiment เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้น คือการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง หุ้นในกลุ่มนี้ที่ชอบคือ LH , PSH และSPALI
 
ด้านหุ้นปันผลสูงการปรับลดดอกเบี้ยจะกดดันให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ลดลง แต่ไม่น่าปรับลงมากนัก โดยปัจจุบัน Bond yield 10 ปีของไทยอยู่ระดับต่ำที่ 1.59% ลดลงจากต้นปี 2562 ที่อยู่ราว 2.58% ในทางตรงข้ามมีโอกาสที่เม็ดเงินจะย้ายมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้นปันผลสูง ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ แนะนำคาดหวัง Dividend Yield มากกว่า 6% คือ MCS, รวมถึง LH และ KKP
 
ส่วนหุ้นกลุ่มที่เสียประโยชน์ หากกนง.ปรับลดดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้แบงก์ต้องปรับลดลดดอกเบี้ยเงินกู้ตามมา ส่งผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยรับและ NIM โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ เช่น BBL, KTB, KBANK, SCB

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 พ.ย. 2562 เวลา : 19:34:08
18-09-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ก.ย.68) ลบ 6.73 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,299.96 จุด

2. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3,640 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 3,680 เหรียญ

3. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์

4. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ก.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล" ฝนตกหนัก 80% ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 70% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 60% ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40%

5. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ก.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์

6. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ก.ย. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 55,850 บาท

7. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) พุ่ง 260.42 จุด เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 ก.ย.68) บวก 4.31 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,311.00 จุด

9. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) ร่วง 7.30 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

10. ตลาดหุ้นไทยปิด (17 ก.ย.2568) ลบ 1.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,306.69 จุด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ก.ย.68) บวก 1.97 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,310.16 จุด

12. MTS Gold คาดราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,660-3,640 เหรียญ และแนวต้าน 3,700-3,720 เหรียญ

13. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) บวก 6.1 ดอลลาร์ รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) ร่วง 125.55 จุด นักลงทุนระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟดวันนี้

15. พยากรณ์อากาศวันนี้ (17 ก.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตต." ฝนตกหนัก 70% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40%

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 18, 2025, 1:15 pm