หุ้นทอง
หลายปัจจัยหนุนเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยโค้งสุดท้ายของปี62 ฉายแววเพิ่มมากขึ้น


โค้งสุดท้ายของปี 2562 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงกว่า 1 เดือน เดือนที่เหลือในปี 2562 นี้ มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะได้เห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส หรือ ASP เชื่อว่าเดือนพ.ย.-ธ.ค.นี้ น่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ด้วย 2 เหตุผล คือ 6พ.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมนโยบายการเงิน (กนง.) รอบที่ 7 จาก 8 รอบ โดยรอบนี้ ฝ่ายวิจัยฯให้น้ำหนักมีโอกาสที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps มาที่ 1.25% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปี 2562 -2563 ฟื้นตัวช้า เห็นได้จากล่าสุด แบงก์ชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนก.ย. ยังบ่งชี้การชะลอตัว โดยเฉพาะส่งออกซึ่งคิดเป็น 68% ของ GDP หดตัวเฉลี่ย 2.2% นับตั้งแต่ต้นปีมา

 
ผลกระทบมาจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กระทบต่อการลงทุนเอกชน สะท้อนจากอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนก.ย. ลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 64.5% ชะลอจากเดือนส.ค.ที่ 66.5% และเห็นได้จากการลงทุนในเครื่องจักรหดตัว ขณะที่การบริโภคภาคครัวเรือน คิดเป็น 50% ของ GDP ยังได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่มาเร็วกว่าคาด มีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำช่วงปลายปี กระทบกำลังซื้อของประชาชน
 
เงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือนต.ค.ขยายตัว 0.11% ชะลอจาก 0.32% ในเดือนก.ย. ส่งผลให้ดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real interest rate) หรือส่วนต่างระหว่างเงินเฟ้อและดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 1.5% กว้างขึ้นเป็น 1.39% เป็นช่องว่างในการปรับลดดอกเบี้ยลงได้
 
ค่าเงินบาทยังแข็งค่า ล่าสุดแกว่งที่ระดับ 30.15 บาทต่อดอลลาร์จากต้นปี เฉลี่ยราว 32.2 บาท ถือว่าแข็งค่ามากสุดในภูมิภาค เช่น เงินรูเปียอินโดนีเซียแข็งค่า 3%, เงินเปโซฟิลิปปินส์แข็งค่า 2.5% ขณะที่เงินริงกิตมาเลเซียและเงินรูปีอินเดียอ่อนค่า เงินบาทที่แข็งค่าทำให้ราคาสินค้าส่งออกไทยแพงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านและกระทบต่อรายรับของผู้ส่งออก
  
ทั้งนี้หาก กนง.ปรับบลดดอกเบี้ยตามคาดจะทำให้ Market Earning Yield Gap ขยายกว้างขึ้นไปแตะระดับ 5% โดยปัจจุบันกว้างขึ้นมาอยู่ที่ 4.85% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก (ค่าเฉลี่ยนับจากปี 2551 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 4.28%) ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนจากตราสารหนี้เข้ามาสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น
 
 
นอกจากนี้การที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนผ่อนคลายโดยมีความคืบหน้าเซ็นสัญญาเฟส 1 และอาจพิจารณายกเลิกภาษีรอบ 4.1 มูลค่า 1.1 ล้านเดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนให้ Dow Jones ปรับขึ้นทำ All Time High วานนี้ รวมถึงหากไปดู Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1.78% แสดงให้เห็นถึงการโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนจากสินทรัพย์ปลอดภัยมาสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนาแล้ว เนื่องจากยังมี Upside เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมามากกว่าตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น หุ้นไทยปัจจุบันดัชนีฯยังต่ำจากจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี ถึง 7.20% ถือว่ายัง Laggard ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ทำ All Time High
 
รวมถึงตลาดหุ้นเยอรมนี, อินเดีย, ไต้หวัน,และญี่ปุ่น ที่ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีไปแล้วทั้งสิ้น และแม้ว่าเดือนพ.ย.2562 จะมีประเด็นกดดันจาก MSCI ที่ประกาศเพิ่มน้ำหนัก 5% ของ China A-Share ลงในดัชนี MSCI Emerging Market ในรอบนี้ คาดว่าจะกดดันหุ้นไทยมีโอกาสถูกเบียดให้มีสัดส่วนลดลงและ Fund Flow อาจชะลอการไหลเข้าเหมือนอดีต
 
แต่การปรับตัวขึ้นของดัชนีฯจากสภาพคล่องส่วนเกิน ยังสามารถคาดหวังแรงขับเคลื่อนจากสถาบันในประเทศได้ เพราะมักมีแรงซื้อ LTF กระจุกตัวช่วงที่เหลือของปี สะท้อนจากสถิติในอดีตเดือนพ.ย.มีแรงซื้อ LTF สัดส่วน 12.3% ของแรงซื้อทั้งปีและมากสุดในเดือนธ.ค. 45.1% ของทั้งปี หรือคิดเป็นเม็ดเงินรวม 2 เดือนราว 3.1 หมื่นล้านบาท คอยหนุนตลาดช่วงที่เหลือของปีได้

บันทึกโดย : วันที่ : 06 พ.ย. 2562 เวลา : 20:14:30
18-09-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: 20 ก.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล สถานีสูบจ่ายน้ำลุมพินี

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (18 ก.ย.68) ลบ 6.73 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,299.96 จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 3,640 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 3,680 เหรียญ

4. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-31.90 บาท/ดอลลาร์

5. พยากรณ์อากาศวันนี้ (18 ก.ย.68) "กรุงเทพปริมณฑล" ฝนตกหนัก 80% ภาคอีสาน-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก 70% ภาคเหนือ-ภาคใต้ ฝั่ง ตต. 60% ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 40%

6. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (18 ก.ย.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์

7. ทองเปิดตลาดวันนี้ (18 ก.ย. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 55,850 บาท

8. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) พุ่ง 260.42 จุด เฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

9. ตลาดหุ้นไทยเปิด (18 ก.ย.68) บวก 4.31 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,311.00 จุด

10. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (17 ก.ย.68) ร่วง 7.30 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด

11. ตลาดหุ้นไทยปิด (17 ก.ย.2568) ลบ 1.50 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,306.69 จุด

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (17 ก.ย.68) บวก 1.97 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,310.16 จุด

13. MTS Gold คาดราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 3,660-3,640 เหรียญ และแนวต้าน 3,700-3,720 เหรียญ

14. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) บวก 6.1 ดอลลาร์ รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

15. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (16 ก.ย.68) ร่วง 125.55 จุด นักลงทุนระวังการซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟดวันนี้

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 18, 2025, 4:54 pm