กองทุนรวม
"ทีเอ็มบี" ปลื้มยอดขายกองทุนเปิด TMB-ES-GSBOND พุ่งทุบสถิติ ชูจุดเด่นกลยุทธ์ ACE ให้ผลตอบแทนสูง


ทีเอ็มบี เผยเปิดขายกองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Global Smart Bond (TMB-ES-GSBOND) นักลงทุนตอบรับท่วมท้น ทุบสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ยอดทะลุ 4,200 ล้านบาท เหตุตอบโจทย์ในการสร้างผลตอบแทนท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำและตลาดมีความผันผวน ด้วยจุดเด่นกลยุทธ์ ACE คือผลตอบแทนสูง มีความผันผวนต่ำ และควบคุมความเสี่ยงได้ดี เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยแต่ความเสี่ยงไม่สูงมากนัก


 
 

 
นางกิดาการ ชัฏสุวรรณ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันภาพรวมตลาดการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยบวก คือการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริการและจีนในเฟสแรกและข้อตกลง Brexit ที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ทั้งนี้ ภาวะการลงทุนในปี 2563 ยังคงมีความท้าทายจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และภาวะความตึงเครียดทางการเมืองในหลายประเทศ ที่จะทำให้ตลาดมีความผันผวน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ดังนั้น การสร้างโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนจึงควรมีการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เนื่องจากช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้ ซึ่งทีเอ็มบี ร่วมกับ บลจ.ทีเอ็มบี อีสท์สปริง ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Global Smart Bond (TMB-ES-GSBOND) ขึ้นมาตอบโจทย์ และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ลงทุน โดยหลังจากเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 13-21 มกราคม ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 6,000 พันล้านบาท ปรากฎว่าทีเอ็มบีซึ่งเป็นแกนหลักสามารถทำยอดขายได้ถึง 4,200 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของทีเอ็มบีและบลจ.ทีเอ็มบี อีสท์สปริง 

กองทุนเปิดทีเอ็มบี อีสท์สปริง Global Smart Bond เป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียวคือ JPMorgan Funds-Income Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class C ซึ่งเป็น Class ที่เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก บริหารจัดการโดย JP Morgan Asset Management (Europe) S.a.r.l และลงทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

 “ปัจจัยที่ทำให้กองทุนนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเสนอขายครั้งแรกคือ สภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ลูกค้ามองหาการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากแต่ต้องไม่เสี่ยงมาก โดยตอบโจทย์ด้วยหลักการ 3 ข้อ ที่เรียกว่า ACE มาจาก A หรือ ATTRACTIVE INCOME OPPORTUNITIES นั่นคือ โอกาสสร้างรายได้น่าดึงดูดใจ ปัจจุบันกองทุนมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทน (Yield to maturity) อยู่ที่ 5% ส่วน C มาจาก CONTROLLED RISK เป็นการควบคุมผันผวนไม่ให้สูง เพราะกองทุนมีการกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้ที่หลากหลาย ทำให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กองทุนมีค่าความผันผวนต่ำเพียง 2.2% และสุดท้าย E หรือ Effective Downside Protection คือมีผลขาดทุนอยู่ในระดับต่ำ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กองทุนเคยมีผลตอบแทนที่ต่ำสุดอยู่ที่ -1.0% เท่านั้น” นางกิดาการ กล่าว

นางกิดาการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สินทรัพย์ที่เป็นตราสารหนี้ถูกมองว่ายังมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ในปีนี้ แม้จะไม่มากเท่าในปีที่ผ่านมา แต่ท่ามกลางภาวะที่ดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่อเนื่อง ตราสารหนี้ก็ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า และยังช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ ซึ่งกองทุนนี้มีผลการดำเนินงานที่ดีมาก ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2015 กองทุนให้ผลตอบแทน 6.6% ต่อปี และใน 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนสูงถึง 11.77% ด้วยนโยบายการบริหารแบบเชิงรุก มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมได้ทุกสภาพตลาด และยังได้รับ  Morningstar 5 ดาว”

กองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยสามารถลงทุนระยะยาวและยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าหน่วยลงทุนของต่างประเทศ (กองทุนหลัก) ได้ แต่ไม่เหมาะกับนักลงทุนที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในระยะอันใกล้ และนักลงทุนที่ไม่สามารถรับความผันผวนของเงินลงทุนและผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ม.ค. 2563 เวลา : 22:06:27
31-10-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (31 ต.ค.68) ลบ 5.15 จุด ดัชนี 1,309.50 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (31 ต.ค.68) บวก 0.17 จุด ดัชนี 1,314.82 จุด

3. MTS Gold คาดว่าตลาดจะ หยุดการปรับตัวลง และจะเข้าสู่ช่วง Sideway สร้างฐานราคา กรอบแนวรับ 3,980 เหรียญ แนวต้านที่ 4,080 เหรียญ

4. ตลาดหุ้นไทยเปิด (31 ต.ค.68) ลบ 8.51 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,306.14 จุด

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (31 ต.ค. 68) ปรับขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 62,200 บาท

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (30 ต.ค.68) ร่วง 109.88 จุด หุ้น Meta-Microsoft ฉุดตลาด-กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด

7. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (31 ต.ค.68) แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 32.34 บาทต่อดอลลาร์

8. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (30 ต.ค.68) บวก 15.20 ดอลลาร์ รับเฟดลดดอกเบี้ย-ความไม่แน่นอนข้อตกลงการค้าจีน-สหรัฐ

9. พยากรณ์อากาศวันนี้ (31 ต.ค.68) "กรุงเทพปริมณฑล-ภาคกลาง-ภาคตะวันออก-ภาคใต้ ฝั่ง ตต." ฝนตกหนัก 70% ภาคเหนือ-ภาคอีสาน ภาคใต้ ฝั่ง ตอ. 60%

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.45บาท/ดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิด (30 ต.ค.68) ลบ 0.99 จุด ดัชนี 1,314.65 จุด

12. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (30 ต.ค.68) ลบ 5.87 จุด ดัชนี 1,309.77 จุด

13. MTS Gold ราคาทองคำจะมีแนวรับระยะสั้นที่ 59,800 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 61,000 บาท/บาททองคำ

14. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (29 ต.ค.68) บวก 17.6 ดอลลาร์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ย 0.25%

15. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (30 ต.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 31, 2025, 6:49 pm