ประกัน
"กรุงเทพประกันภัย" เผยผลประกอบการตามเป้า คาดสิ้นปี 66 เบี้ยโต 3 หมื่นล้าน ปีหน้า EV หนุนโต 8%


วันที่ 8 ธค 2566 ที่ผ่านมาในงานกิจกรรมทัศนศึกษาสื่อมวลชนสัญจร ณ เมืองนาโกย่า-โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) รายงานถึงผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาของปี 2566 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,982 ล้านบาท เติบโตขึ้นมา 12.5% (YoY)  ผลประกอบการในเชิงกำไรสุทธิ 2,546 ล้านบาท นับว่าเป็นผลประกอบการที่สูงที่สุดในรอบ 76 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดหวังว่า ยอดรวมภายในสิ้นปีนี้ จะบรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิทะลุเป้าที่ 3,000 ล้านบาท
 
 
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวว่า “แม้บริษัทจะประสบกับความเปราะบางของผลประกอบการจากการลงทุนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ด้วยเรื่องของเงินทุนไหลออกนอกประเทศไทย ทำให้หุ้นไทยติดลบต่อเนื่อง จึงได้ส่งผลกระทบกับบริษัทที่มีส่วนขาดทุนจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์  แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ได้ผลตอบแทนจากเงินฝากธนาคารที่เพิ่มมากขึ้น ทางบริษัทจึงได้มีการปรับพอร์ต โดยแบ่งสัดส่วน โยกเงินฝากธนาคารมาลงทุนในพันธบัตร เพราะตอนนี้พันธบัตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีผลตอบแทนที่เติบโตขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น  ฉะนั้นจึงมีความคาดหวังว่า จนถึงสิ้นปีนี้ ทางบริษัทจะบรรลุเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 3,000 ล้านบาทได้”
 
โดยในการตั้งเป้าดังกล่าว ที่คิดสัดส่วนเบี้ยประกันเติบโตที่ 12.5% (YoY) นั้น แสดงออกถึงการที่บริษัทมีเป้าหมายที่การมุ่งเติบโตแบบ Aggressive จากปัจจัยสนับสนุนอย่าง สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยหลายๆบริษัทได้ล้มหายจากไป จากความผิดพลาดของยอดเคลมประกัน ฉะนั้นจึงเป็นเหตุเอื้ออำนวยให้เงินทุนไหลมาหาบริษัทประกันภัยที่มั่นคง อย่างบริษัทกรุงเทพประกันภัย ส่งผลให้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตขึ้นตามเป้าหมาย
 
“เบี้ยประกันภัยที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ ประกันภัยรถยนต์ ที่ถึงแม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะโตเพียง 4% เท่านั้น และยอดขายรถยนต์ในภาพรวมมีการติดลบเสียด้วยซ้ำ แต่เบี้ยประกันภัยรถยนต์ของกรุงเทพประกันภัย มีการเติบโตถึง 14.5% ในส่วนเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน หรือ IAR มีการเติบโตเป็นอันดับสองของอุตสาหกรรมในปีนี้ที่ 20% แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์ที่เบี้ยประกันภัยทั่วโลกอยู่ในสภาวะ Hard Market ทำให้เบี้ย IAR เติบโตขึ้นเกือบ 20-30% ในการปรับเพิ่มเบี้ยต่ออายุอยู่แล้ว จึงส่งผลให้บริษัทที่เป็นผู้รับประกันภัย IAR มีเบี้ยที่เติบโตขึ้นด้วย” ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม
 
ส่วนทิศทางการเติบโตของบริษัทในปีหน้า ดร.อภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า กรุงเทพประกันภัยมีความมุ่งหวังที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 8% ท่ีเบี้ยประกันภัยรับรวมจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2,400 ล้านบาท หรือเท่ากับ 32,400 ล้าน ซึ่งเป็นไปตามการสร้างดุลยภาพระหว่างการเติบโตของเบี้ยรับรวมและการสร้างความมั่นคงของผลกำไรทางธุรกิจ โดยประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV จะเป็นตัวผลักดันให้เบี้ยประกันมีการเติบโตมากขึ้น
 
 
เทรนด์รถยนต์ EV กำลังมา
 
ภายในปีนี้ คาดว่าจะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ EV ในไทยอยู่ที่ประมาณ 100,000 คัน  เติบโตจากปี 2565 ที่ 10,000 คัน ซึ่งเติบโตขึ้น 10 เท่าตัวเลยทีเดียว เนื่องจาก บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน “บีวายดี” (BYD) ตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าที่นิคมอุตสาหกรรม WHA จ.ระยอง เรียบร้อย รวมถึง “ฉางอาน ออโต้” ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนก็ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ที่นิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน ทำให้มีรถยนต์ EV ป้อนเข้าสู่ตลาดยานยนต์ในประเทศไทยเยอะขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม แม้หลายบริษัทประกันภัยจะมองการมาของรถยนต์  EV ว่าเป็นโอกาสที่จะเข้ามาแย่งชิงเค้กในตลาดประกันภัยในไทยด้วยกลไกด้านราคา แต่อ้างอิงข้อมูลจากตลาดโลกจะพบว่า เบี้ยประกันรถยนต์ EV ในตลาดญี่ปุ่น มีอัตราที่สูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไปถึง 10-20% ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ และในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 25% โดยในประเทศไทยนั้น เบี้ยประกันภัยของรถยนต์ EV กลับแทบจะต่ำกว่า เบี้ยของรถยนต์เครื่องสันดาปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความเสี่ยง เนื่องจากรถยนต์ EV มีอัตราความเสียหาย หรือ Loss Ratio ที่สูงขึ้นอยู่ตลอด จากช่วงแรกที่มีการเข้ามาเคลมค่าสินไหมทดแทนที่ 10-15% แต่ในปัจจุบันนี้ Loss Ratio ขึ้นสูงถึง 60% แล้ว ซึ่งถ้าบริษัทประกันภัยยังแข่งขันกันในราคาที่ต่ำ หาก Loss Ratio เพิ่มขึ้นไปเป็น 70-80% บริษัทประกันภัยจะอยู่รอดไม่ได้เลย
 
โดยเหตุผลที่รถยนต์ EV มี Loss Ratio ที่สูง ก็เป็นเพราะชิ้นส่วนของแบตเตอรี่ ที่มีมูลค่าคิดเป็นประมาณ 60% ของรถยนต์ทั้งคัน และการซ่อมรถยนต์ประเภทนี้ ส่วนใหญ่ต้องเป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ หากเป็นการซ่อมก็มีความเสี่ยงด้านระบบความปลอดภัย ประกอบกับในไทยยังไม่มีอู่ซ่อมที่มีความชำนาญในรถยนต์ EV หากเกิดปัญหาต้องส่งซ่อมที่ศูนย์อย่างเดียว ซึ่งค่าแรง และอะไหล่แพง ฉะนั้นการแข่งขันในตลาดนี้จึงนับว่ายังมีความเปราะบาง ซึ่งกรุงเทพประกันภัย แม้จะเข้าร่วมแต่ไม่กระโดดเข้าไปแข่งขันด้านของกลไกราคาที่บริษัทประกันภัยอื่นๆ กำลังทำอยู่ตอนนี้
 
นอกจากนี้ กรุงเทพประกันภัยมีแผนขยายในส่วนของผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบ Personal Line ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในแต่ละวัย และการมุ่งสร้าง Embedded Insurance ซึ่งเป็นประกันที่ผูกเข้ากับผลิตภัณฑ์ของคู่ค่าอื่นๆ ให้บริษัทเติบโตมากขึ้น
 
“ท่ามการเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบางในปีหน้า 2567 นี้ ประเด็นของสถานการณ์เงินเฟ้อนั้นอาจจะไม่ใช่ปัญหาหลักแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นสูงไปก่อนหน้านี้ กว่าจะปรับลดลงต้องใช้เวลากว่า 1 ปี กว่าจะส่งผลทางบวกกับเศรษฐกิจ ทำให้ผู้คนมีต้นทุนในการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น อย่างในภาคธุรกิจที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่จะเผชิญกับหนี้ธุรกิจที่สูงขึ้น ซึ่งมีตลาดแรงงานในตลาด SME กว่า 13 ล้านราย และในขณะเดียวกัน ธุรกิจ SME กว่า 3 ล้านราย มีภาวะหนี้เสีย (NPL) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 7.5% และหนี้ที่คาดการณ์ว่าจะเสียในระบบธนาคารจากเงินกู้ อาจมี NPL สูงถึง  20% ฉะนั้นการหาเงินทุนและสินเชื่อของ SME จะยากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจขยายไม่ได้ และการที่ธุรกิจขยายไม่ได้ ก็จะส่งผลต่อการชะงักงันในสายการผลิต ทำให้ปีหน้า หนี้ครัวเรือนจึงมีโอกาสสูงขึ้นอีกถึง 2% จากระดับปัจจุบันที่ 90% ของ GDP ซึ่งหนี้เสียประเภทสินเชื่อบ้านและรถยนต์ จะกลายเป็นความเปราะบางที่จะปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธุรกิจประกันภัยหดตัวตามไปด้วย”ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

LastUpdate 10/12/2566 11:00:44 โดย : Admin
11-05-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 10 พ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 4 ตัดถนนรัชดาภิเษก

2. ตลาดหุ้นปิด (9 พ.ค.68) บวก 4.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,210.94 จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,250 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,340 เหรียญ

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (9 พ.ค.68) ลบ 5.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,200.92 จุด

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (8 พ.ค.68) ร่วง 85.90 เหรียญ หลังสหรัฐ-อังกฤษ บรรลุข้อตกลงการค้า

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (8 พ.ค.68) พุ่ง 254.48 จุด ขานรับ "สหรัฐ-อังกฤษ" บรรลุข้อตกลงการค้า

7. อุตุฯเตือนระวัง "พายุฤดูร้อน" วันนี้ "ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนฟ้าคะนอง 40% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง 30% ภาคใต้ 30-40%

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.30 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (9 พ.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 33.02 บาทต่อดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (9 พ.ค. 68) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,450 บาท

11. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (9 พ.ค.68) บวก 6.28 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,212.87 จุด

12. ประกาศ กปน.: 13 พ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านใต้) และถนนอนามัยงามเจริญ

13. ตลาดหุ้นปิดวันนี้ (8 พ.ค.68) ลบ 13.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,206.59 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (8 พ.ค.68) ลบ 7.43 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,212.84 จุด

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (7 พ.ค.68) ร่วง 30.90 เหรียญ รับสงครามการค้าส่งสัญญาณคลี่คลาย

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 11, 2025, 9:50 pm