เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บมจ.ไทยออยล์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ "ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวระดับต่ำ จากความไม่แน่นอนของการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ท่ามกลางการปรับลดความน่าเชื่อถือจีน"


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 67 - 74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 71 - 78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (11 – 15 ธ.ค. 66) 
 
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวระดับต่ำ โดยอุปทานน้ำมันดิบยังคงมีความไม่แน่นอน ขณะที่ตลาดจับตานโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ECB และ FED ที่จะมีการประชุมกันในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับลดความน่าเชื่อถือจีน นอกจากนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ยังอยู่ในพื้นที่จำกัด และไม่กระทบกับการผลิตน้ำมันในพื้นที่ตะวันออกกลาง แม้จะมีการกลับมาปะทะกันหลังครบกำหนดหยุดยิงชั่วคราว

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

ตลาดจับตาอุปทานน้ำมันดิบโลก หลังการประชุมกลุ่ม OPEC+ วันที่ 30 พ.ย. 66 ที่กลุ่มได้อาสาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงไตรมาสแรกปี 67 โดยนักวิเคราะห์คาด กลุ่ม OPEC+ อาจปรับลดอุปทานเพิ่มเติม หลังคูเวตและแอลจีเรียอาจลดอุปทานน้ำมันเพิ่มเติมร่วมกับซาอุดิอาระเบียและรัสเซียหรือขยายระยะเวลาไปกว่าไตรมาส 1/67 นอกจากนี้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เดินทางเยือนตะวันออกกลางของเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ อาจเพิ่มความเชื่อมั่นตลาดน้ำมันจากความร่วมมือลดอุปทานน้ำมันดิบ
 
ความไม่แน่นอนของนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังคงส่งผลต่อราคาน้ำมัน โดยตลาดจับตาการประชุม ECB ที่จะมีวันที่ 14 ธ.ค. 66 ที่คาดการณ์ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงที่ 4.0 – 4.75% และเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ปี 67 หลังอัตราเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับ 2.4% ในเดือน พ.ย. 66 ขณะที่ตลาดคาดการณ์การประชุม FED ที่จะมีวันที่ 12 และ 13 ธ.ค.66 ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25%-5.5% ไปจนถึงเดือน ก.ค. 67 นานกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่จะคงดอกเบี้ยจนถึงเดือน มี.ค. 67
 
ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีน หลัง Moody Investor ปรับลดความน่าเชื่อถือจากทรงตัวเป็นเชิงลบ เนื่องจากความกังวลทิศทางเศรษฐกิจและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน โดยสัดส่วนเงินกู้จีนต่อ GDP อยู่ที่ระดับ 303% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2567-2568 จะเติบโตที่ระดับ 4% และการเติบโตมีแนวโน้มหดตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 3.8 % ในปี 2569-2570 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังพอมีสัญญาณที่ดีบางส่วน หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติเผยดัชนีผลผลิตภาคบริการจีน เดือน พ.ย. ปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 51.5 จากระดับ 50.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้น 3 เดือนต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนปรับสูงขึ้นสู่ระดับ 49.3 จาก 48.5 นอกจากนี้การส่งออกจีนเติบโต 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดือน พ.ย. ปี 65 ซึ่งสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน 
 
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังไม่ส่งผลกระทบกับตลาดมากนักแม้หลังครบกำหนดพักรบชั่วคราว กลุ่มฮามาสได้ทำลายยานยนต์ทหารอิสราเอล 24 คัน และทหารอิสราเอลได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย ขณะที่อิสราเอลโจมตีทางบกและทางอากาศในฉนวนกาซามากกว่า 250 เป้าหมาย ใน 24 ชม. นอกจากนี้ตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสคุมขังในฉนวนกาซาปรับเพิ่มจาก 137 ราย เป็น 138 ราย อย่างไรก็ตาม อิสราเอลมีการปิดถนนซาลาห์ อัล-ดิน ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่จำกัด และไม่กระทบกับการผลิตน้ำมันในพื้นที่ตะวันออกกลาง
 
เศรษฐกิจน่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของของสหรัฐฯ เดือน พ.ย.ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนเดือน พ.ย. ได้แก่ อัตราการว่างงาน และดัชนียอดค้าปลีก และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปเดือน ธ.ค. ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางยุโรป และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI)
 
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (4 - 8 ธ.ค. 66)
 
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 2.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 71.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับลดลง 3.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 75.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 76.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังตลาดผิดหวังจากนโยบายการลดอุปทานน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ที่อาจไม่ได้มากเท่าที่คาด ขณะที่สต๊อกน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์สร้างแรงกดดันว่าอุปสงค์น้ำมันโลกอ่อนตัว นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมยังคงชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (PMI) สหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 66 อยู่ที่ระดับ 46.7 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 เป็นระยะเวลานานกว่า 13 เดือน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ธ.ค. 66 ปรับลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 445 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ธ.ค. 2566 เวลา : 11:03:57
11-05-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 10 พ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 4 ตัดถนนรัชดาภิเษก

2. ตลาดหุ้นปิด (9 พ.ค.68) บวก 4.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,210.94 จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ระดับ 3,250 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 3,340 เหรียญ

4. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (9 พ.ค.68) ลบ 5.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,200.92 จุด

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (8 พ.ค.68) ร่วง 85.90 เหรียญ หลังสหรัฐ-อังกฤษ บรรลุข้อตกลงการค้า

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (8 พ.ค.68) พุ่ง 254.48 จุด ขานรับ "สหรัฐ-อังกฤษ" บรรลุข้อตกลงการค้า

7. อุตุฯเตือนระวัง "พายุฤดูร้อน" วันนี้ "ภาคอีสาน-ภาคตะวันออก" ฝนฟ้าคะนอง 40% กรุงเทพปริมณฑล-ภาคเหนือ-ภาคกลาง 30% ภาคใต้ 30-40%

8. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.30 บาท/ดอลลาร์

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (9 พ.ค.68) อ่อนค่าลง ที่ระดับ 33.02 บาทต่อดอลลาร์

10. ทองเปิดตลาดวันนี้ (9 พ.ค. 68) ร่วงลง 350 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 52,450 บาท

11. ตลาดหุ้นไทยเปิดวันนี้ (9 พ.ค.68) บวก 6.28 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,212.87 จุด

12. ประกาศ กปน.: 13 พ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านใต้) และถนนอนามัยงามเจริญ

13. ตลาดหุ้นปิดวันนี้ (8 พ.ค.68) ลบ 13.68 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,206.59 จุด

14. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (8 พ.ค.68) ลบ 7.43 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,212.84 จุด

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (7 พ.ค.68) ร่วง 30.90 เหรียญ รับสงครามการค้าส่งสัญญาณคลี่คลาย

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 11, 2025, 4:30 pm