บมจ.ไทยออยล์ วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า ราคาน้ำมันผันผวนในกรอบที่สูงขึ้น จับตาสถานการณ์ในซีเรีย และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งคาดราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบที่สูงขึ้น โดยเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 100-108 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 92-100 เหรียญฯ
 
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน (17 – 21 มิ.ย. 56)
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะผันผวนอยู่ในกรอบที่สูงขึ้น โดยผลการรับรองประธานาธิบดีของอิหร่านหลังการเลือกตั้ง เหตุการณ์ความตึงเครียดทั้งใน ซีเรีย ซูดาน และลิเบีย รวมถึงอุปทานที่ขาดหายไปจากทางทะเลเหนือจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันดิบ ขณะที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะกดดันราคา โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจตัดสินใจชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆออกมาเป็นไปตามความคาดหมาย
 
ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
• ความรุนแรงในตะวันออกกลางโดยเฉพาะในซีเรียที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง แม้สหรัฐฯ และรัสเซียจะพยายามจัดเวทีหารือขึ้นเพื่อหาข้อยุติในเดือนนี้ ล่าสุดประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้มีการส่งอาวุธสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงหลังปรากฎหลักฐานว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีในการสู้รบกับกลุ่มกบฎจริง
 
• การรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านหลังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเมื่อ 14 มิ.ย. โดยผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดจะต้องได้รับเสียงมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้ที่มาออกเสียง และประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งจะต้องมีจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้มีสิทธ์ออกเสียงด้วย หากประธานาธิบดีใหม่ไม่ได้รับการรับรอง คณะกรรมการเลือกตั้งจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในวันที่ 21 มิ.ย.นี้
 
• ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มิ.ย. ทั้งนี้การชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ หรือ QE จะเป็นหัวข้อที่ตลาดและนักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน
 
• ติดตามการกลับมาของแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Buzzard ในแหล่งทะเลเหนือ หลังจากหยุดการผลิตเป็นครั้งที่สอง นอกจากนี้ฤดูกาลการปิดซ่อมบำรุงแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในแถบทะเลเหนือ ที่คาดว่าจะทำให้อุปทานหายไปประมาณ 330,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน มิ.ย.ถึง ก.ย. จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวสูงขึ้น
 
• สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างซูดานและซูดานใต้ที่ยังคงมีอยู่ หลังซูดานออกมาประกาศให้ยุติการขนส่งน้ำมันของซูดานใต้ผ่านพรมแดนของตน รวมถึงยุติความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างกันเป็นระยะเวลาสองเดือนเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมิได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนต่อมาตรการในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลในความไม่แน่นอนของอุปทานน้ำมันดิบ
 
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตจีนจากทาง HSBC (Flash) การสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนจากสถาบัน ZEW ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน และรายงานการประชุมธนาคารกลางของสหรัฐฯ
 
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 10 – 14 มิ.ย. 56)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ 97.85 เหรียญฯ และเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.37 เหรียญฯ ปิดที่ 105.93 เหรียญฯ ขณะที่ดูไบปรับเพิ่มขึ้น 1.74 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 102.23 เหรียญ
 
ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น ในช่วงต้นสัปดาห์น้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่ปรับเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะปรับเพิ่ม 167,000 ตำแหน่ง สร้างความมั่นใจต่อตลาดถึงภาคการจ้างงานของสหรัฐฯ ว่ากำลังฟื้นตัวตามลำดับ นอกจากนี้การหยุดการผลิตเป็นครั้งที่ 2 หลังความพยายามในการกลับมาผลิตของแหล่งผลิต Buzzard ในทะเลเหนือยังทำให้อุปทานน้ำมันดิบหายไปจากตลาดอีกด้วย อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากความกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯและญี่ปุ่น หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม