ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินภาพ SET จากนี้ไปจะแกว่งในกรอบ 1,380-1,410/15 จุด รอดูสถานการณ์การเมืองของกลุ่ม กปปส.วันที่ 9 พ.ค.และ นปช.เสาร์นี้


 กลยุทธ์วันนี้  Rebound

ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้กลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกครั้ง ปิดที่ 1,402.61 จุด ลบเล็กน้อย 1.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,829 ล้านบาท
          
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 2,019 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน Index Futures วันแรกในรอบ 7 วันทำการ 2,646 สัญญา คาดทยอยปิด Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า และลดการลงทุนในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 มากถึง 7,588 ล้านบาท
          
อย่างไรก็ตาม หากคำนวณต้นทุนของนักลงทุนต่างชาติที่พลิกกลับมาซื้อตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. จนถึงวานนี้ เฉลี่ยที่ SET INDEX ราว 1,364 จุด บวกกำไรจากค่าเงินบาทในช่วงเวลาเดียวกัน ภาพรวม Upside gain เพียง 3.35% เท่านั้น
          
MBKET ประเมินภาพ SET INDEX จากนี้ไปจะแกว่งในกรอบระหว่าง 1,380-1,410/15 จุด เพื่อรอดู
          การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม กปปส.วันที่ 9 นี้ และ กลุ่ม นปช. วันเสาร์นี้
          แนวทางการจัดการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ครม.และ กกต.จะหารือกันในวันพรุ่งนี้
          ขณะที่การพิจารณากรณีจำนำข้าว ของปปช. วันนี้ MBKET กลับให้น้ำหนักเป็นกลาง หลังศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาให้นายกฯ รักษาการ พ้นอำนาจหน้าที่จากกรณีการโยกย้าย นายถวิล ไปแล้ววานนี้ หากปปช. พิจารณา เห็นว่าอดีตนายกฯ บกพร่องในหน้าที่จริง ขั้นตอนต่อไปคือ การนำเสนอคดีต่อ ศาลอาญาของนักการเมือง เพื่อพิจารณาไต่สวนต่อไป
         
 เมื่อภาพการเมืองที่ยังต้องรอความชัดเจนใน 2 ประเด็นข้างต้น ทำให้ภาวะการลงทุนในช่วงนี้ เป็นเพียงการแกว่งรอเท่านั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงยังคงเน้น “เก็งกำไรเป็นรายตัว” โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางเป็นหลัก เพราะกระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวเช่นกัน
         
ด้านปัจจัยต่างประเทศเช้านี้ ติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้าของจีน และ เย็นนี้ การประชุม ECB ที่อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก จาก ณ ปัจจุบัน 0.25% และ/หรือ ออกโครงการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ
          
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AIT/ MATCH

Portfolio            
          Top Pick in 2Q14: SAMART / SPCG / GOLD
          HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ IVL
          Speculative Buy: AIT / MATCH

Technical View         
          แนวรับ 1400 +/- และ 1380 +/- จุด แนวต้าน 1410-1415 จุด คาดว่าน่าจะผ่านแนวต้าน 1410-1415 จุดได้ยาก โดยหากยังไม่ผ่านด่านปะทะดังกล่าว มีสิทธิเป็นเพียงการดีดตัวระยะสั้น

Action and Stock of the Day

SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1,400 จุด อีกครั้ง
          ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่วานนี้ ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ สอดคล้องกับ DJIA คืนวันก่อนหน้า อีกทั้งขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
          สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดปรับตัวลงสู่ 1,388 จุด ก่อนเกิดการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป กลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกครั้งในช่วงบ่าย ทั้งนี้หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ ICT ยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลการวินิจฉัยของศาลฯ จะให้นายกฯ รักษาการ ยิ่งลักษณ์ และ รมว.ที่อยู่ในครม.ชุดพิจารณา ต้องพ้นสภาพเช่นกัน ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,402.61 จุด ลบ 1.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32,829 ล้านบาท
          กลุ่มที่ปิดฟื้นตัวแรงสุด ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ +1.53%, กลุ่ม IMM +1.48%, กลุ่มปิโตรเคมี +1.29% ส่วนกลุ่มหลักอย่าง กลุ่มธนาคาร -0.37%, กลุ่ม ICT -0.49% และกลุ่มอสังหาฯ +0.03%

คาด SET INDEX ช่วงสั้น แกว่ง ระหว่าง 1,380-1,410/15 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เน้นเก็งกำไรตัว
         
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
          ตลาดหุ้นเอเชีย (7.33 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวก สอดคล้องกับภาพรวม DJIA คืนวานนี้ แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยบวกใหม่ เข้าหนุนการลงทุนก็ตาม
          หลัง SET INDEX ปรับฐานลง 1.33% ตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา และกลับมายืนเหนือ 1,400 จุดได้วานนี้  แต่ภาพรวมของ SET INDEX ในความเห็นของ MBKET ยังคงเป็น “กลาง” และไม่ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพในช่วงสั้น แม้ว่าประเด็นการเมืองจะมีความชัดเจนในระดับหนึ่ง ตามผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วานนี้
          ประเด็นการเมืองที่ต้องติดตามจากนี้ไป ได้แก่
          1. การเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างกันหรือไม่
             a. กลุ่มกปปส. เร่งเครื่องด้วยการ เลื่อนวันชุมนุมใหญ่เป็นวันพรุ่งนี้ เวลา 9.09 น.
             b. นปช. เริ่มชุมนุมวันที่ 10 พ.ค. บริเวณ ถนน อักษะ
          2. การสรรหานายกฯ รักษาการ แทน คุณยิ่งลักษณ์ ทั้งนี้
             a. ครม. วานนี้ มีมติให้ นายนิวัฒน์ธำรงค์ เข้ารักษาการ นายกฯ แทน และยืนยันเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง
             b. กลุ่ม กปปส. ต้องการเดินหน้า เลือกนายกฯ ตามมาตรา 3 โดยการนำเสนอจากวุฒิสภา ซึ่งขึ้นอยู่กับการคัดเลือก ประธานวุฒิสภา การประชุมวันที่ 9 พ.ค. นี้
          3. การจัดการเลือกตั้งจากนี้ไป ล่าสุด ครม. เตรียมหารือ กับ กกต. วันศุกร์ที่ 9 พ.ค. นี้
          ภาพรวม จากนี้ไป คือ แนวทางการได้มาซึ่ง นายกฯ และ ครม. ชุดใหม่ ไม่ว่าจะมาทางการเลือกตั้งปกติ หรือ มาด้วย มาตรา 3 จากการคัดเลือกของวุฒิสภา ย่อมทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดใหม่ ทำได้งานได้อย่างมีอำนาจเต็ม เพียงแต่ ความเสี่ยง ณ ปัจจุบัน คือ ระยะเวลาซึ่งการได้มาของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจากนี้ MBKET แนะนำให้ “นักลงทุนกลับมาเป็นการลงทุนรอบสั้น” หุ้นขนาดกลาง อีกทั้ง เพราะภาพพื้นฐานการลงทุน ยังคงต้องรอความชัดเจน
 ปัจจัยสำคัญวันนี้
          1. ติดตามการพิจารณากรณีจำนำข้าว โดยปปช.วันนี้: ปปช.กำหนดพิจารณากรณีจำนำข้าว ว่า อดีต นายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้อง / รับผิดชอบ ต่อการคอร์รัปชั่น โครงการจำนำข้าวหรือไม่
          2. กระแสเงินทุนต่างชาติคาดเพียงแค่ชะลอ แต่ยังไม่กลับมาเป็นทิศทางลดน้ำหนัก: เพื่อรอความชัดเจนทางการเมืองในขั้นตอนต่อไปคือ แนวทางการเลือกตั้ง หรือ การได้มาซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็ม
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนต่างชาติ
          จากข้อมูลการเข้าทยอยสะสมหุ้นไทยนับตั้งแต่ 28 ก.พ. ถึง วานนี้ ยอดซื้อสุทธิสะสม 31,022 ล้านบาท เฉลี่ย SET INDEX ที่ 1,364 จุด เทียบกับระดับปิดวานนี้ 1,402.61 จุด ทำให้เหลือ Upside gain 2.8%
          และในช่วงเวลาเดียวกัน ค่าเงินบาทแข็งค่า 0.55% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
          ส่งผลใหภาพรวม upside gain ของ นักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นไทย 3.35%
          ทั้งนี้ กลุ่มหลักที่ปรับตัวขึ้นมาเด่นสุดในช่วงเวลาดังกล่าวได้แก่
          กลุ่มโรงพยาบาล +17.55%
          กลุ่มอสังหาฯ +9.73%
          กลุ่ม ICT +9.07%
          กลุ่มค้าปลีก +8.00%
          และกลุ่มธนาคาร +7.71%
          3. มุมมองประธานเฟดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ : นาง Janet Yellen ยังคงยืนยันที่จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป เพราะตลาดการจ้างงาน และ อัตราเงินเฟ้อยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ และหาก QE สิ้นสุดลง เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
          4. เช้นนี้ติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้าเดือนเม.ย. ของจีน:
          การส่งออก Bloomberg consensus คาด -3.0% yoy จากเดือนมี.ค. -6.6% yoy
          การนำเข้า Bloomberg consensus คาด -2.1% yoy จากเดือนมี.ค. -11.3% yoy
          5. เย็นนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลาง: โดยเฉพาะ ECB
          ECB: ทั้งนี้ Bloomberg consensus คาดว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ/หรือ ออกโครงการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ หลัง ECB ปรับเป้า GDP และ เงินเฟ้อปีนี้ลง สร้างความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินฝืดที่ ECB กังวล
          BoE: ซึ่ง Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ย และวงเงิน QE ไว้เช่นเดิม แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจอังกฤษ จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมาตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม

 กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”  ได้แก่
          1. AIT : ราคาปิด 30.50 บาท ราคาเหมาะสม 42.25 บาท  
             a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 189 ล้านบาท +28% yoy และ +17% qoq จากการรับรู้รายได้งานขนาดใหญ่ เช่น งานประกันสังคม และเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวก โดย AIT จะรายงานผลประกอบการในช่วงเย็นวันนี้ หรือ ช่วงเช้าในวันพรุ่งนี้
             b) Backlog ทรงตัวในระดับสูงถึง 5,000 ล้านบาท และเป็นระดับใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดเดิมของบริษัท เนื่องจากได้รับงานต่อเนื่องทั้งภาครัฐ และเอกชนเข้ามาต่อเนื่อง ใน 1Q57
             c) มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น โดยหากกำไร 1Q57 ออกมาใกล้กับที่คาดจะคิดเป็น 30% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 623 ล้านบาท (+9.8% yoy)
             d) และ AIT เป็น 1 ในบริษัทที่จะได้ประโยชน์โดยตรง หากปัจจัยการเมืองคลี่คลายและเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เนื่องจากจะส่งผลให้งานประมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคมกลับมาเปิดประมูลเป็นจำนวนมาก
             e) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 10.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6.8%
          2. MATCH : ราคาปิด 3.38 บาท ราคาเหมาะสม 3.76 บาท  
             a) MBKET มีมุมมองเชิงบวกหลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารบริษัท และเชื่อว่า MATCH เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์ทั้งโดยตรงและทางอ้อม จากการเข้าสู่ยุคทีวีดิจิตอล เนื่องจากจะส่งผลบวกทั้งโอกาสของธุรกิจรับผลิตรายการ และธุรกิจบริการคือให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำที่มีคู่แข่งขันน้อยราย
             b) ผลักดันให้กำไร 3 ปีของหน้าเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึงปีละ 16% และมีจุดเด่นที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 38% เนื่องจากต้นทุนหลักคือบุคลากร ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆได้ถูกตัดค่าเสื่อมไปเกือบหมดแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
             c) เราคาดกำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโต +21% yoy เป็น 94 ล้านบาท และประมาณการกำไรในระยะยาวมี Upside Risk จากโครงการ Movie Town ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ใน 2Q57 และช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาวจากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่คือช่อง 7
             d) ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash Company และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยราว 4% ต่อปี เราเริ่มต้นคำแนะนำด้วย “ซื้อ” เป้าหมาย 3.76 บาท

What will DJIA move tonight?          
          คืนนี้ติดตามการปราศรัยของประธานเฟดเป็นวันที่ 2
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 พ.ค. 2557 เวลา : 10:35:52

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 11:27 am