ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนักลงทุนพิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,390 จุด หรือสูงกว่า และกลับมาถือเงินสดอีกครั้ง เหตุตลาดยังผันผวน


ตลาดหุ้นวานนี้:
  

ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดย่อตัวลง สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย จากกรณีเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงปารีส ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าหลุดแนว 36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เกิดแรงซื้อหุ้นหลักกลับในช่วงบ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม ICT และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ส่วนกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ลดช่วงลบ ส่งผลให้ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 6.16 จุด มาอยู่ที่ 1,388.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,830 ล้านบาท
  

เงินทุนต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 6 ผ่านตลาดหุ้นขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 2,272 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 8 อีก 7,749 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 1,212 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
  

ศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปใน 2Q58 แนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  

ติดตามการประชุม ครม. วันนี้ อาจมีการพิจารณาแผนการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์
  

สถานการณ์ในกรุงปารีส เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเป็นลำดับ
  

ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดีดตัวแรงกว่า 3% คืนวานนี้ ช่วยกลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี ให้ฟื้นตัว รวมถึงการเร่งปิดสถานะ Short ใน SBL

มุมมองต่อตลาด

  

เราปรับมุมมองการลงทุนขึ้นเป็น “กลาง” จากวันก่อนหน้า “กลางถึงลบ” หลังสถานการณ์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกลับสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้น และ GDP ใน 3Q58 ของไทยออกมาดีกว่าคาด เติบโต 2.9% yoy และทำให้ภาพรวมปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 2.8-2.9% ดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ 2.5-2.6% yoy เป็นประเด็นที่ช่วยจำกัด Downside risk มากยิ่งขึ้นในตลาดหุ้นไทย
  

แต่แน่นอนว่า Upside gain ของ SET INDEX ก็เป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน เพราะยังมีประเด็นสำคัญที่เป็นตัวกำหนดกระแสเงินทุนต่างชาติและทิศทางค่าเงินบาทไทยคือ การประชุมเฟดวันที่ 16 ธ.ค. ณ ปัจจุบัน Bloomberg survey ประเมินโอกาส 66% ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนัดนี้ ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกต่างชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และตลาดตราสารหนี้ เพื่อรอดูผลการพิจารณาในช่วงเวลาดังกล่าว
  

เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการประชุม ครม.วันนี้ อาจมีการนำเสนอแผนการลงทุนในรูปแบบของคลัสเตอร์ตามที่ทีมเศรษฐกิจเสนอแนวทางการกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศให้เป็นองค์รวมที่เกิดความเข้มแข็ง ซึ่งจะเป็นประเด็นต่อยอดการลงทุนจากภาคเอกชนในปีหน้า นอกเหนือไปจากโครงการ PPP แบบ Fast Track อีก 8 โครงการที่จะผลักดันให้เกิดความเป็นจริงในปีหน้า
  

ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q-3Q58 สัญญาณการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป กลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มที่อยู่อาศัย จะทรงตัวและเกิดแรงเก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว
  

เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ ระหว่าง 1,380-1,395/1,400 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3.0-4.0 หมื่นล้านบาท/วัน กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเป็นการไหลออกในความเห็นของเรา เพียงแต่แรงขายสุทธิของนักลงทุนกลุ่มนี้น่าจะเริ่มชะลอตัวลง หลังได้เห็นภาพ GDP ใน 3Q58

กลยุทธ์การลงทุน

  

ดังนั้น เราแนะนำ “นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,390 จุด หรือสูงกว่า และกลับมาถือเงินสดอีกครั้ง เพราะภาพรวมยังมีความเปราะบางและผันผวนอยู่”


Top Pick in 4Q15: BMCL / ITD/ TMB/ TPIPL
HOLD: ITD / TPIPL/ ADVANC/ WHA/ IFEC/ INTUCH/ KTB
Speculaitve buy: ITD


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 พ.ย. 2558 เวลา : 11:41:38

16-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 16, 2024, 3:40 pm