ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้แกว่งแคบ 1,390 จุด+/- เพื่อรอดูผลการประชุมกนง. ซึ่งกนง.คงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด แต่ก็ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ กดดันให้ SET INDEX ปิดลบอีก 7.72 จุด มาอยู่ที่ 1,382.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,641 ล้านบาท
 
ต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,002 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 index futures เป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 257 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 อีกเล็กน้อย 862 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          ผลการประชุม กนง. คงอัตราดอกเบี้ยด้วยมติเอกฉันท์
          ติดตามการประชุม 
          งบที่ออกมาดีกว่าคาดวานนี้ได้แก่ RS
          ติดตามงบที่จะประกาศวันนี้และจะออกมาดี ได้แก่ TVD / ERW
 
 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 20)
          หลังผลการประชุมกนง.วานนี้ เราประเมินว่า SET INDEX เริ่มมี Downside risk ที่จำกัดมากยิ่งขึ้น แนวรับ 1,380 จุดจะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง แรงขายจากต่างชาติต่อกลุ่มธนาคารเชื่อว่าจะจำกัดมากยิ่งขึ้น หลังลดน้ำหนักการลงทุนมาต่อเนื่องในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเหลือปัจจัยเสี่ยงเพียงด้านเดียวคือ NPLs ของกลุ่ม SME ที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจุดสำคัญคือ NPLs ที่จะทำระดับสูงสุดได้เมื่อใด 
          ทั้งนี้เราประเมินว่ากลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / SCC จะช่วยจำกัด Downside risk ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีผลการดำเนินงานใน 1Q59 ออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น BIG / GLOBAL/ IVL เป็นต้น รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่รอประกาศงบและมีแนวโน้มที่จะทำกำไรสุทธิได้ดีกว่าคาด จะมีความโดดเด่นในช่วงนี้ 
          สำหรับการประชุม BoE วันนี้ Bloomberg consensus คาด BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อรอดูผลการทำประชามติต่อการออกจากความเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู ปลายเดือนหน้า ก่อนที่จะขยับนโยบายการเงิน
          เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,380-1,395 จุด พร้อมให้น้ำหนักกับการเกิด Technical rebound มากกว่าการซึมตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3

Stock Pick of The Day          
          1.  เก็งกำไร ERW: ราคาปิด 4.30 บาท ราคาเหมาะสม 4.80 บาท 
          a)  ERW จะรายงานงบ 1Q59 ในวันนี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q59 จะเติบโตสูงทั้ง yoy & qoq เป็น 160-180 ล้านบาท และเป็น Positive Surprise เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิทั้งปี 197 ล้านบาท
          b)  มีโอกาสที่ Consensus จะทบทวนประมาณการกำไรปี 2559 ขึ้น เนื่องจากประเมินกำไรสุทธิปี 2559 ไว้เพียง 320 ล้านบาท 
          c)  แผนการจัดตั้งกอง REIT เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ และซื้อขายที่ EV/EBITDA 2559 ระดับ 11.5 เท่า ต่ำกว่า CENTEL ที่ 12.4 เท่า และ MINT ที่ 16.2 เท่า           
          2.  เก็งกำไร ROBINS: ราคาปิด 55.50 บาท ราคาเหมาะสม 54.00 บาท (อิง SAA Consensus)
          a)  ROBINS รายงานกำไรสุทธิ 1Q59 ที่ 686 ล้านบาท เติบโต +12% yoy ออกมาดีใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาด
          b)  คาดว่ามีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะประกาศในวันพรุ่งนี้ ดังนั้น แม้ราคาจะสูงกว่าราคาเหมาะสมของ Consensus แล้ว แต่เชื่อว่าสามารถเก็งกำไรประเด็น MSCI ในระยะสั้นได้ 
          c)  Consensus คาดกำไรปี 2559 เติบโต +16% yoy เป็น 2.5 พันล้านบาท และ Valuation ยังถูกกว่ากลุ่ม โดยซื้อขาย PER2559 ที่ 24 เท่า เทียบกับหุ้นในกลุ่ม เช่น CPALL 28 เท่า, GLOBAL 36 เท่า และ HMPRO 28 เท่า 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิอีก US$204 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$95 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติเริ่มทยอยปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures 
          นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,002 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ขายสุทธิ 5,576 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงเหลือเพียง 8,243 ล้านบาท
          ส่วน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 257 สัญญา เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 25,999 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Short ส่งผลให้ QTD มีสถานะเป็น Short ลดลงเล็กน้อย เป็น 2,478 สัญญา และทำให้ S50M16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือเพียง 1.94 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.26 จุด    
          และนักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงพักเงินในตลาดตราสารหนี้ต่อเนื่อง ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 862 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 15,917 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 พันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก 0.62bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.14bps ปิดที่ 1.819%  

Short-Selling วานนี้ 
ขยับขึ้นเป็น 1,462 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,175 ล้านบาท  

NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 3 ยังคงเน้นกลุ่มธนาคาร และขนส่งเช่นเดียวกับวันก่อนหน้า .
          การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,010 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 127 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 1,432 ล้านบาท โดยยังคงเป็นการเลือกลดน้ำหนักในกลุ่มธนาคารเป็นหลักต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า รวมถึงกลุ่มขนส่งอย่าง AOT ที่ Valuation เริ่มตึงตัว

 
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
         
ไม่มี

ยุโรป
          ผลผลิตภาคอุตฯ ของอังกฤษเติบโตน้อยกว่าคาด: เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% mom ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 0.5% mom แต่ฟื้นตัวจากเดือนก.พ.ที่หดตัว 0.2% mom ภาคการผลิตโรงงานเพิ่มขึ้น 0.1% mom ซึ่งก็ต่ำกว่าคาดเช่นกัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และทำให้ผู้ผลิตเผชิญกับปัญหาที่มากขึ้น
          ECB เตรียมพิจารณาการเปิดทำการของธนาคารพาณิชย์กรีซในต้นเดือนหน้า: น่าจะเป็นวันที่ 2 มิ.ย. หลังธนาคารพาณิชย์ของกรีซเข้าสู่ขบวนการขอความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องตั้งแต่เดือนก.พ. 2558 โดยการยกเว้นรอบใหม่จะเป็นการเสนอจากบอร์ดของ ECB ขณะที่รมว.คลัง อียู คาดว่าจะมีการสรุปผลการทำงานของกรีซ ต่อแผนการปฎิรูปเศรษฐกิจในวันที่ 24 พ.ค. 

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          ไม่มี

ไทย
         
ที่ประชุม PPP ให้ตั้งกก.เลือกเอกชนประมูลสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายภายในเดือนนี้: ที่ประชุมคณะกรรม PPP เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมดำเนินการในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการตามมาตรา 35) ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อกำหนดเงื่อนไขและวิธีการคัดเลือกการประมูล โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าว เช่น ประธานบอร์ด รฟม. เป็นประธาน กรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อัยการสูงสุด สำนักงบประมาณ ฯ หลังจากนั้นต้องรอที่ประชุมหารือวิธีการคัดเลือก หากเลือกวิธีการเจรจากับรายเดิม คือ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จะใช้เวลาไม่นานเพียง 15 เดือน จะเปิดเดินรถได้ หากเปิดประมูลคัดเลือกผู้เดินรถรายใหม่ จะใช้เวลาประมาณ 3 ปี เมื่อคัดเลือกผู้เดินรถได้แล้วจะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาในครั้งต่อไป
         
กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50%: ที่ประชุมกนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ครั้งก่อนที่ 3.1% แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อการบริโภค และรายได้ของเกษตรกร
         
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง – ชมพูเตรียมเปิดขายซองเดือนมิ.ย.นี้: รฟม.จะเปิดขายซองโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพู ช่วงมีนบุรี-แคราย ภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยมั่นใจว่าจะเปิดประมูลในปีนี้ และจะลงนามสัญญากับเอกชนที่ชนะประมูลเดือน ม.ค.-ก.พ. 2560


โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 12 พ.ค. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 พ.ค. 2559 เวลา : 10:35:48

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 5:37 pm