ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ประธานมูลนิธิ Sasakawa Peace Foundation USA พบบิ๊กตู่ระบุเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทย


 


วันนี้ (12 พ.ค. 59) เวลา 11.00 น. พลเรือเอก เดนนิส แบลร์ ประธานมูลนิธิ Sasakawa Peace Foundation USA เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ทำเนียบรัฐบาลในโอกาสเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ

ภายหลังการหารือ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ พลเรือเอก เดนนิส แบลร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งในกองทัพและฝ่ายบริหาร และเป็นที่ยอมรับในแวดวงการเมือง การทหารและธุรกิจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิ Sasakawa Peace Foundation USA
 
 
 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ทราบว่า พลเรือเอก แบลร์ เขียนหนังสือเรื่อง Military Engagement: Influencing Armed Forces Worldwide to Support Democratic Transition จึงหวังว่า ว่า พลเรือเอก แบลร์ จะเข้าใจการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยของไทย และจะช่วยสะท้อนมุมมองและแนวคิดของประเทศไทยไปยังผู้กำหนดนโยบาย และฝ่ายต่างๆ ในสหรัฐฯ เพื่อช่วยรักษาและเพิ่มพูนความสัมพันธ์ในภาพรวมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ

โดยในวันนี้ มีการหารือในหลายประเด็น ได้แก่ พัฒนาการการเมืองไทยและประเด็นสิทธิเสรีภาพ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า การทำความเข้าใจระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองมีความสำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นที่อาจมีความคาดเคลื่อน หรือ สร้างความเข้าใจผิด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เคยจับกุมใคร ถ้าไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย แต่หลายโอกาสบุคคลที่ ต้องการสร้างความขัดแย้ง จะใช้การแสดงออกที่ผิดกฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้รับความสนใจจากประชาคมต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่เคยทำร้ายใคร เพราะทุกคนเป็นคนไทย แต่ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นไปตามหลัก สิทธิมนุษยชน พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้เสรีภาพในการแสดงออกที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ที่ไม่ยั่วยุเพื่อให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรง

สำหรับการเลือกตั้ง ไทยจะมีการเลือกตั้งภายในปี 2560 ซึ่งเป็นไปตาม Roadmap ที่กำหนดไว้ พร้อมกล่าวถึง พัฒนาการของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะนำไปสู่การทำประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559  โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่จะรับฟังคำแนะนำและประสบการณ์ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ พลเรือเอก แบลร์ กล่าวว่า มีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยเป็นอย่างดี เพราะตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทย มีการติดต่อประสานงานกันอย่างใกล้ชิด มีความร่วมมือกับหลายรัฐบาล โดยส่วนตัว เข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีต้องเข้ามาบริหารประเทศ มีความเห็นใจ และทราบว่าการบริหารประเทศและการเมืองมีความยากลำบาก โดยเฉพาะการบริหารประเทศภายใต้ความขัดแย้งที่มีความซับซ้อน อย่างไรก็ดี มีความเชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรีจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆเหล่านี้ไปได้

ในการหารือ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง การปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปกฎหมาย เพื่อสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลที่ผ่านๆมา ได้ละเลยมาเป็นเวลานาน โดยขณะนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารงานภายใต้หลักประชารัฐเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและเสริมสร้างให้ชุมชนเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเอง และยังมีการให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การลงประชามติ ด้วย

ระหว่างการสนทนา นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ พลเรือเอก แบลร์ ซักถาม ซึ่งพลเรือเอก แบลร์ ได้ซักถาม ข้อเท็จจริงในประเด็นเรื่องการให้พลเรือนขึ้นศาลทหาร ซึ่งในประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ศาลทหารของไทย ทำงานเหมือน ศาลปกติ ที่ให้ประกันตัวได้ การใช้ศาลทหาร เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับป้องปรามในประเด็นที่มีการระบุไว้ชัดเจน อาทิ การหมิ่นสถาบันฯ หรือ ในประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ เพื่อระงับสถานการณ์ที่อาจบานปลาย เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อระงับเหตุเท่านั้น และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในฐานะที่ไทยเป็นพันธมิตรที่ยาวนานกับสหรัฐฯ และมีการดำเนินความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์มาเป็นเวลากว่า 183 ปี หวังว่า พลเรือเอก แบลร์ จะช่วยสื่อสารไปยังระดับนโยบายของสหรัฐฯ ว่า ไทยให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรและความร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างประโยชน์รวมทั้งเสถียรภาพและความเจริญของภูมิภาคร่วมกัน โดยฝ่ายไทยพร้อมพบพูดคุยกับฝ่ายสหรัฐฯ ในทุกระดับ

สำหรับความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคและเวทีระหว่างประเทศ ไทยสนับสนุนนโยบาย Strategic Rebalancing และการดำเนินความสัมพันธ์ US- ASEAN  และยินดีที่การประชุมสุดยอดอาเซียน – สหรัฐฯ สมัยพิเศษ ที่ Sunnylands ประสบความสำเร็จ  และขอบคุณสหรัฐฯ ที่สนับสนุนอาเซียนในเรื่องความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) โดยไทยจะใช้ความเป็นแกนกลางในอาเซียนสนับสนุนความร่วมมือและผลประโยชน์ของอาเซียนกับมิตรประเทศต่างๆ อย่างเต็มที่


 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 พ.ค. 2559 เวลา : 15:46:21

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 12:45 pm