ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วันศุกร์ที่ผ่านมา แกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,540-1,550 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียที่เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น โดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีช่วยประคองภาพรวมของตลาด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 8.25 จุด มาอยู่ที่ 1,538.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51,398 ล้านบาท 
          เม็ดเงินต่างชาติชะลอตัวชัดเจน ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เพียง 442 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 อีก 1,402 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 index Futures เป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 3,272 สัญญา

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - เงินทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไรในบางตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่
          - ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่อง NYMEX ปิดบวกอีก 0.62% มาอยู่ที่ US$48.52/barrel 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 5)
          แม้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX จะยังไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เราเชื่อว่ากลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี จะช่วยผลักดัน SET INDEX ได้ไม่มากนัก แต่ช่วยจำกัด Downside risk ได้ในระดับหนึ่ง ภายใต้กระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัว เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน และเราเชื่อว่าต่างชาติต่างรอฟังความเห็นของประธานเฟด Janet Yellen ในคืนวันศุกร์นี้ ต่อทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ รวมถึงงาน Thailand Focust ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ส.ค. ถึง 2 ก.ย. นักลงทุนต่างชาติที่สะสมหุ้นไทยมาก่อนหน้านี้ ย่อมต้องการรอพบบริษัทจดทะเบียน ก่อนตัดสินใจเพิ่มน้ำหนัก ขณะที่กองทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ ระดับ SET INDEX ปัจจุบัน ก็ต้องมีความระมัดระวังต่อการลงทุน เพราะตลาดหุ้นไทยอยู่ในโซนที่แพง 
          ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัว ย่อมทำให้สถาบันภายในประเทศย่อมชะลอการสะสมด้วยเช่นกัน การฟื้นตัวขึ้นของ SET INDEX อาจกลายเป็นการตัดสินใจขายทำกำไรของสถาบันภายในประเทศเช่นกัน
          ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เราจึงแนะนำให้เป็นลักษณะ “Contrarian คือขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ” เน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ แต่หากต้องการหลบทิศทางเงินลงทุนจากสถาบัน หุ้นขนาดกลางย่อมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ระเมินกรอบแกว่ง 1,520-1,545 จุด

Strategy of the Day
          1. สะสม BJC : ราคาปิด 46.25 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น BJC และคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากจะเป็นไตรมาสแรกที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการนำเงินเพิ่มทุนไปชำระหนี้, Refinance เงินกู้ และคาดว่าจะมีกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการชำระคืนเงินกู้สกุลยูโร 
          b) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มค้าปลีก ถึง +85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท จาก Synergy ที่ครบวงจรเนื่องจากเป็นทั้งผู้ผลิต – จัดจำหน่าย – ค้าปลีก ซึ่งเริ่มเห็นผลบวกแล้วตั้งแต่ 2Q59 ที่ผ่านมาจากกำไรปกติของทั้ง BIGC และ BJC ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาด 
          c) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 3.9 เท่า และหุ้นหลักในกลุ่ม เช่น CPALL 9.8 เท่า, HMPRO 7.9 เท่า และ GLOBAL 2.9 เท่า 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไร
          ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เพียง US$50 จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$451 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติเริ่มทยอยปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures 
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 442 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 2,170 ล้านบาท และส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 106,650 ล้านบาท
          แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ 3,272 สัญญา เทียบกับ 9 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 27,741 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาทยอยปิดสถานะ Short ที่เปิดสะสมไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เท่ากับ 3.76 จุดจากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.63 จุด ทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิลดลงเป็น 19,186 สัญญา 
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 1,402 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 26,898 ล้านบาท ภายใต้ราคาพันธบัตรไทยที่ลดลงอีกครั้ง ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนกลับมาเพิ่มขึ้น 0.35bps จากวันก่อนหน้าลดลง 0.71bps ปิดที่ 2.125%

Short-Selling วานนี้ 
          เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เท่ากับ 970 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 661 ล้านบาท 

NVDR Movement
          NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 31 แต่ยังคงลดน้ำหนักกลุ่ม ICT ต่อเนื่อง
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 558 ล้านบาท เร่งขึ้นจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 238 ล้านบาท รวม 31 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 70,000 ล้านบาท เป็น 73,623 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR เลือกที่จะสะสมหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร ขนส่ง และปิโตรเคมี แต่ลดน้ำหนักกลุ่ม ICT ต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          รองประธานเฟดส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้: นาย Stanley Fischer รองประธานเฟด ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังอยู่ในการพิจารณา เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าใกล้เป้าหมายที่เฟดวางไว้ การฟื้นตัวของการลงทุน

ยุโรป
          ยอดค้าปลีกอังกฤษสูงกว่าที่ตลาดคาด: เดือนก.ค. ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น 1.45 mom สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 0.2% mom และหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นถึง 5.9% yoy 

จีน
          จีนส่งออกน้ำมันดีเซลทำระดับสูงสุดใหม่: เดือนก.ค. จีนได้ส่งออกน้ำมันดีเซลเท่ากับ 1.53 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 39% mom กลายเป็นระดับส่งออกน้ำมันดีเซลสูงสุดใหม่แทนเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการส่งออกน้ำมันเบนซินเดือนก.ค. เท่ากับ 9.7 แสนตัน ต่ำกว่าระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย. เนื่องจากภาวะน้ำท่วม ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลลดลง 

เอเชียแปซิฟิก
          เศรษฐกิจไต้หวันขยายตัวดีขึ้น 2Q59: เติบโต 0.7% yoy จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 0.69% yoy แต่เท่ากับที่ Bloombeerg Consensus คาด ล่าสุดได้มีการปรับประมาณการการเติบโตในไตรมาสถัดไปสูงขึ้นเป็น 1.22% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 1.06% แสดงถึงความเชื่อมั่นในการปรับตัวที่แข็งแกร่ง 
          ธนาคารกลางอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย: คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ซึ่งต่างจากที่คาดการณ์ไว้โดยมีการคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps หลังจากที่ได้ปรับลดไปแล้ว 4 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์กู้ยืมจากธนาคารกลางลง 100bps สู่ระดับ 6% ทั้งนี้ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อมีทิศทางลดลง

ไทย
           ไม่มี
 


โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 22 ส.ค. 2559

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ส.ค. 2559 เวลา : 10:28:53

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 1:56 am