ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้เปิดทำระดับต่ำสุดของวันที่ 1,419.50 จุด ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยมาแกว่งแคบบริเวณ 1,425 จุด +/- ประคองภาพด้วย SCB/ SCC/ CPALL ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กบางตัวเริ่มฟื้นตัวได้บ้าง แต่ก็เกิดรงขายหนักขึ้นในชั่วโมงสุดท้าย ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ลบ 33.43 จุด มาอยู่ที่ 1,411.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,983 ล้านบาท 
          ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 มากถึง 3,424 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 6,598 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 1,320 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยหนาแน่นอีกครั้งวานนี้ 
          - ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ขยับขึ้นเด่นอีกครั้ง 5.31bps ปิดที่ 2.181% 
          - โอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้าลดลงเหลือ 22% จากวันก่อนหน้าที่ 30%
          - PER17 ณ ระดับปิดวานนี้ เท่ากับค่าเฉลี่ย 2Yr Forward PER ของตลาดที่ 13.23x 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก (วันแรกในรอบ 21 วันทำการ)
 
          SET INDEX ยังคงภาพอ่อนแอต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามที่จะฟื้นตัวอยู่บ้างก็ตาม โดยสถาบันภายในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์ยังคงเน้นลดน้ำหนักการลงทุน สะท้อนความไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยและปัจจัยแวดล้อมของการลงทุน 
          อย่างไรก็ตามหากพิจารณา SET INDEX ที่ปรับตัวลงมาแล้วราว 140 จุดจากระดับสูงสุดของรอบ หรือคิดเป็น 43% ของการไต่ระดับขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราประเมินว่า Downside risk จำกัดมากยิ่งขึ้น 1,380-1,400 จุดเชื่อว่าจะทำงานได้แข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ บวกกับสัญญาณทางเทคนิคที่ Over Sold มาก โอกาสเกิด Technical rebound สู่แนว 1,450-1,460 จุดมีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายสัปดาห์นี้กับการปรับดัชนี FTSE ที่คาดว่าจะใช้เม็ดเงินราว 3-4 หมื่นล้านบาทในครั้งนี้ 
          และหากกลับมาพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของ SET INDEX พบว่า ณ ระดับปิดวานนี้ ซื้อขาย PER17 เท่ากับ 13.23x เทียบกับค่าเฉลี่ย 2Yr Forward PER ย้อนหลัง 2 ปีนับตั้งแต่มีคสช. ระดับปัจจุบันต่ำกว่าระดับ +1SD ที่ 13.94x อีกทั้ง Earnings Growth ปี 2560 เท่ากับ 12.48% 
          กลยุทธ์การลงทุน “เรายังคงยืนยันให้ทยอยสะสมหุ้นหลัก” ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง Valuation กลับมาอยู่ในโซนค่าเฉลี่ยถึงถูก โดยเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ

Strategy of the Day          
          1. สะสม TPIPL : ราคาปิด 2.04 บาท ราคาเหมาะสม 2.85 บาท
          a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น TPIPL จะตอบรับเชิงบวก หลังวานนี้ กลต. เริ่มนับ 1 ไฟลิ่งของทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) แล้ว สะท้อนให้เห็นว่าการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียน IPO ยังเป็นไปตามกำหนดการณ์ที่วางไว้คือภายในปี 2559 
          b) ประเมินเบื้องต้น คาดว่า Market Cap ของ TPIPP จะไม่ต่ำกว่าระดับ 4 หมื่นล้านบาท เป็นการปลดล็อก Asset Value ที่มีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับ Market Cap ของ TPIPL ปัจจุบันที่ 4.1 หมื่นล้านบาท โดย TPIPL จะถือหุ้นสัดส่วน 70% ใน TPIPP หลัง IPO 
          c) มี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2560 ที่ 3.5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะยกส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ออกจากงบการเงิน โดยหักลบกับส่วนเกินทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำลูกเข้า IPO ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ลดลงถึงปีละ 1,300 ล้านบาท           
          2. สะสม SCB : ราคาปิด 143.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
          a) ราคาหุ้นปรับตัวลง -10.6% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มากกว่า SET INDEX ที่ -8.3% และ SET BANK -7.9% จากความผันผวนของปัจจัยในประเทศและแรงขายของกองทุนในประเทศ เชื่อว่าเป็นจังหวะในการเข้าสะสม
          b) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการ 2H59 จากการตั้งสำรองที่ลดลงเนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาดว่าสินเชื่อจะปรับตัวขึ้นได้ดีใน 4Q59 ซึ่งเป็น High Season ของความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจ 
          c) คาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต +5.9% yoy เป็น 49,962 ล้านบาทต่อเนื่อง +14.5% yoy ในปี 2560 เป็น 57,224 ล้านบาท และ Valuation ถูก ซื้อขายที่ระดับ PBV2560 เพียง 1.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 2.0 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 4% ต่อปี 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$568 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทิ US$324 ล้าน 
          ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดเดียวที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติชะลอทั้งการซื้อและขายสุทธิ
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 3,424 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 4,897 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 122,299 ล้านบาท 
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 6,598 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 12,325 สัญญา น่าจะเป็นการกลับมาทยอยเปิดสถานะ Short อีกครั้ง กดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2.58 จุด จากวันก่อนหน้าปิด Premium เท่ากับ 0.02 จุด  ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิขยับเป็น 33,647 สัญญา   
          และนักลงทุนกลุ่มนี้ คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 1,320 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 2,266 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรงอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 มากถึง 5.31bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเพียง 1.38bps ปิดที่ 2.181%

Short-Selling วานนี้ 
          มากถึง 2,033 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,682 ล้านบาท และ SBL กระจายตัวไปใน 88 หุ้น 

NVDR Movement
          NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เน้น SCC และ KBANK
          การซื้อขายผ่าน NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 1,967 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 461 ล้านบาท ทั้งนี้ NVDR เริ่มสะสมหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ FTSE เด่น ทั้ง KBANK / SCC ขณะที่ลดน้ำหนัก AOT / กลุ่มอาหาร ต่อเนื่อง 

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ประธานเฟด Brainard เตือนเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปจะส่งผลกระทบ: Fed Governor Lael Brainard ให้ความเห็นถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีพัฒนาการต่อเนื่อง แต่ธนาคารกลางต้องตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการคงนโยบายการเงินผ่อนคลาย เนื่องจากความเสี่ยงในตลาดโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ การคงนโยบายการเงินจะช่วยให้การจ้างงานดีขึ้น และอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมาย 

ยุโรป
          ECB ใกล้ได้ข้อสรุปการเข้าช่วยเหลือธนาคารขนาดใหญ่ของอิตาลี: แหล่งข่าวประเมินว่า ECB เตรียมว่าจ้าง CEO ของ Bank of America Merrill Lynch ในอิตาลี มาดำรงตำแหน่ง CEO ของ Monte dei Paschi di Siena หากเป็นจริงเท่ากับว่า ECB ใกล้ได้ข้อสรุปแนวทางการช่วยเหลือธนาคารขนาดใหญ่ของอิตาลีแห่งนี้ 
          นายกฯ กรีซเรียกร้องให้อนุมัติเงินกู้ช่วยเหลือ: นายกฯ กล่าวว่า กรีซจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในตลาดเงินได้ก็ต่อเมื่อกรีซสามารถลดระดับหนี้สาธารณะลงได้ พร้อมเรียกร้องให้ ECB เปิดช่องทางในการเพิ่มพันธบัตรกรีซเข้าไปในโครงการรับซื้อสินทรัพย์ QE เพราะความล่าช้าของการเรียกความเชื่อมั่นจากตลาด ทำให้กรีซไม่ได้รับความยุติธรรมในการพิจารณาเงื่อนไขการรับเงินช่วยเหลือจากเจ้าหนี้ Troika 
          เศรษฐกิจเยอรมันใน 2H59 คาดชะลอตัว: รมว.ด้านเศรษฐกิจเยอรมัน คาดการณ์เศรษฐกิจเยอรมันจะชะลอตัวใน 2H59 เมื่อเทียบกับ 1H59 ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจเยอรมันจะเติบโต
ปานกลางถึงบวกเล็กน้อ 

จีน
          นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางจีนเสนอให้มีการควบคุมเงินที่เข้าไปในตลาดอสังหาฯ: หัวหน้าทีมเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางจีน เสนอว่า จีนควรจะเข้ามาควบคุมเงินทุนที่ไหลเข้าไปในตลาดอสังหาฯ และรัฐวิสาหกิจควรจะชะลอการเพิ่มระดับหนี้ เพราะทั้ง 2 ส่วนนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับหนี้โดยรวมของจีนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามจีนเองก็ไม่สามารถลดระดับหนี้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการจ้างงาน แต่จำเป็นต้องชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้ในระยะยาว 

เอเชียแปซิฟิก
          ธนาคาร 11 แห่งในอินเดียฐานทุนไม่สอดคล้องกับ Basel III: รายงานโดย Fitch Rating พบว่า ธนาคารพาณิชย์ในอินเดีย 11 แห่ง มีความเป็นไปได้ที่ฐานทุนจะไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำของ Basel III คาดว่าจะต้องปรับโครงสร้างทุนราว US$9.0 หมื่นล้าน เพื่อให้ฐานทุนของธนาคารสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มใช้ภายในเดือนมี.ค. 2562 ทั้งนี้ธนาคารรัฐจะต้องปรับโครงสร้างทุนราว 80% ของยอดที่ประเมิน และ 6 ใน 11 ฐานทุนจะไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ขั้นต่ำภายในเดือนมี.ค. 2560 ธนาคารรัฐวิสาหกิจอยู่ในความเสี่ยงที่สูงสุด เพราะมีฐานทุนที่ต่ำ และแนวโน้มที่จะเพิ่มทุนจากตลาดก็เป็นไปได้อย่างจำกัด
          โอเปกคาดว่าจะมีปริมาณน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดมากขึ้นใน 2560: โอเปก คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า จากแท่นขุดเจาะใหม่ และ Shale Oil ของสหรัฐฯ ที่จะขุดเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โอเปกคาดว่ากำลังการผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะเพิ่มขึ้น 2.0 แสนบาร์เรล/วันในปี 2560 มากกว่าประมาณการก่อนหน้าที่ 1.5 แสนบาร์เรล/วัน ความต้องการน้ำมันจากกลุ่มโอเปกจะเท่ากับ 32.48 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2560 ลดลงจาก การคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่ 33.01 ล้านบาร์เรล/วัน 

ไทย
          PPP เตรียมเสนอเก็บให้เอกชนร่วมทุนเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์: วันที่ 15 ก.ย.นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) โดยจะมีการพิจารณาโครงการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance O&M) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 2 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรีนครราชสีมา และโครงการมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี โดยการให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางและบำรุงรักษามอเตอร์เวย์ทั้งสองเส้นทางมีมูลค่ารวมประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยมีระยะเวลาที่เอกชนรับคงที่สัมปทานเป็นเวลา 30 ปี



 โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 13 ก.ย. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ก.ย. 2559 เวลา : 10:28:17

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 5:13 am