ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
สหกรณ์ในภาคอีสานทยอยเปิดจุดรับซื้อข้าวนาปีในฤดูกาลผลิต 2559/60


 


สหกรณ์ในภาคอีสานทยอยเปิดจุดรับซื้อข้าวนาปีในฤดูกาลผลิต 2559/60 เพื่อรองรับผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในขณะนี้ และคาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ทุกสหกรณ์เตรียมแผนรองรับ เปิดพื้นที่สำหรับเก็บข้าวเปลือกที่รับซื้อจากสมาชิก พร้อมคัดสรรข้าวที่คุณภาพดีแปรรูปเป็นข้าวสารบรรจุถุงจำหน่าย หวังเพิ่มมูลค่าผลผลิตและบรรเทาปัญหาราคาข้าวตกต่ำให้เกษตรกร
          
ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากในพื้นที่แถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่าในขณะนี้สหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ เริ่มทยอยเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร เนื่องจากเป็นช่วงที่ข้าวนาปีในฤดูกาลผลิต 2559/60 เริ่มออกผลผลิตและถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว และคาดว่าปริมาณผลผลิตจะออกมากในช่วงกลางเดือนจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทุกสหกรณ์เตรียมแผนรองรับสำหรับการเปิดพื้นที่รวบรวมและเก็บรักษาข้าวเปลือกที่รับซื้อจากสมาชิก โดยตั้งเป้าหมายในการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกเข้าสู่ระบบสหกรณ์ในฤดูกาลนี้ไม่น้อยกว่า 1.326 ล้านตัน เพื่อช่วยชะลอปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าสู่ตลาดในช่วงเวลาที่ข้าวเปลือกออกมาจำนวนมากพร้อมกัน ข้าวเปลือกที่ถูกรวบรวมเข้าสู่ระบบของสหกรณ์ จะถูกเก็บรักษาไว้รอการจำหน่าย ส่วนสหกรณ์ที่มีโรงสีข้าวจะคัดแยกข้าวที่มีคุณภาพเก็บไว้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อแปรรูปเป็นข้าวสาร ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
          
ทั้งนี้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นแหล่งผลิตข้าวขนาดใหญ่ และมีสหกรณ์การเกษตรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ มีอุปกรณ์การตลาดและโรงสี พร้อมสำหรับการทำหน้าที่ในการรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกร ชะลอไม่ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเกินไป เพื่อช่วยพยุงราคา ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์มีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือแก่สหกรณ์การเกษตรที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าว โดยโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2559/60 มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 359 แห่ง ใน 56 จังหวัด โดยธกส.ได้จัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยร้อยละ 1 ให้สหกรณ์กู้ยืมไปเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อรวบรวมข้าวเปลือก วงเงิน 12,500 ล้านบาท และยังมีโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก 2559/60 ในระบบสหกรณ์ เน้นเฉพาะข้าวเปลือกและข้าวเหนียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัดและภาคเหนือ 4 จังหวัด มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ 209 แห่ง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้สหกรณ์ที่มีศักยภาพภาพสามารถจัดเก็บข้าวเปลือกเพื่อชะลอการขายสู่ตลาดในปริมาณ 200,000 ตัน ซึ่งการเปิดจุดรับซื้อข้าวเพื่อดึงปริมาณข้าวเข้าสู่ระบบสหกรณ์ จะช่วยบรรเทาปัญหาผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก โดยสหกรณ์บางแห่ง ให้ราคารับซื้อที่สูงกว่าราคาตลาดประมาณ ตันละ 100 บาท ส่วนสหกรณ์ที่ส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าว GAP ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณภาพ ดูแลควบคุมการผลิตตั้งแต่ในแปลงข้าวจนถึงการเก็บเกี่ยว จะรับซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาด 200-300 บาท/ตัน ซึ่งมีสหกรณ์ที่ดำเนินการในลักษณะดังกล่าวแล้ว ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด สหกรณ์การเกษตรเมืองร้อยเอ็ด จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด และสหกรณ์การเกษตรพร้าว จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ 
          
ด้านนางปานชญา บวชสันเทียะ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด เปิดเผยว่า สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด เป็นสหกรณ์แห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดนครราชสีมาในขณะนี้ที่เริ่มเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อรองรับผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่ แต่ละวันสมาชิกจะรวบรวมข้าวเปลือกใส่รถบรรทุกมาเข้าคิวรอการจำหน่ายให้กับสหกรณ์เป็นแถวยาวตั้งแต่เช้าจนเย็น ซึ่งขณะนี้สหกรณ์รับซื้อข้าวกข 15 เป็นข้าวหอมมะลิพันธุ์เบา ซึ่งมีช่วงการเก็บเกี่ยวเร็วกว่าข้าวหอมมะลิ 105 โดยได้รวบรวมไปแล้วกว่า 2,772 ตันให้ราคารับซื้อตันละ 6,500 บาท จนถึงช่วงกลางเดือนพ.ย.เกษตรกรจึงจะเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิ 105 ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิชั้นดี คาดว่าจนสิ้นสุดฤดูกาลสหกรณ์จะสามารถรวบรวมข้าวเปลือกได้ 60,000 ตัน โดยสหกรณ์จะคัดแยกข้าวที่มีคุณภาพประมาณ 10,000 ตัน ไว้สำหรับการแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่ายต่อไป

 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 31 ต.ค. 2559 เวลา : 09:43:19

20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 2:35 pm