ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
สธ. ตั้งเป้าลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ไม่เกิน 1,000 รายต่อปี


 


กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ร่วมรณรงค์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ เนื่องในวันเอดส์โลก (World AIDS Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี พร้อมผลักดันเร่งดำเนินการ ตามยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ.2560-2573  โดยตั้งเป้าลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ไม่เกิน 1,000 รายต่อปี ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่เกิน 4,000 รายต่อปี และลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะลง ร้อยละ 90
          

นายแพทย์เจษฎา  โชคดำรงสุข  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก (World AIDS Day) ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ทุกประเทศทั่วโลกร่วมกันรณรงค์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอดส์ โดยมีเป้าหมายสำคัญร่วมกัน 3 ประการ คือ ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ไม่มีการเสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ และไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ เพื่อความสำเร็จในการยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573
          
จากรายงานของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเอชไอวี/เอดส์ ในปี 2558 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลกสะสม 36.7 ล้านคน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2.1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากโรคเอดส์ 1.1 ล้านคน  สำหรับประเทศไทย จากการคาดประมาณจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ พบว่าในปี 2559 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 426,999 คน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เสียชีวิต 16,122 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,304 คน
          
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดนโยบาย มาตรการต่างๆ พร้อมผลักดันและส่งเสริมให้หน่วยงานในทุกระดับดำเนินการตามมาตรการสำคัญ คือ 1.ส่งเสริมให้ประชาชนรู้สถานะการติดเชื้อฯ และรับการรักษาแต่เนิ่นๆ โดยให้ความสำคัญของการใช้ยาต้านไวรัส PrEP เป็นหนึ่งในแนวทางการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี  2.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการถุงยางอนามัยและส่งเสริมภาพลักษณ์ถุงยางอนามัยอย่างต่อเนื่อง  3.พัฒนาคุณภาพบริการการดูแลรักษาการติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ได้มาตรฐานมีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และขยายความครอบคลุมทั่วประเทศ  4.ขยายความครอบคลุมการดำเนินงานส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเป็นตัวอย่างในการดำเนินงานตามแนวปฏิบัติแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานที่ทำงาน โดยในปี 2560 ตั้งเป้าหมายหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมดำเนินงาน ไม่น้อยกว่า 120 หน่วยงาน  และ 5.รณรงค์ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอชไอวี/และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในวันสำคัญต่างๆ เพื่อนำสู่การป้องกันโรคที่ถูกต้องและมีทัศนคติที่ดี ไม่มีการรังเกียจและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์
          
นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า ส่วนสถานการณ์ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน อายุ 15 – 24 ปี ทั้งในเขตเมืองและชนบท จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคซิฟิลิสเพิ่มสูงขึ้น 2 เท่า ใน 10 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2548 มีผู้ป่วยโรคซิฟิลิส 1,557 ราย และเพิ่มเป็น 3,134 รายในปี 2557  ส่วนผู้ป่วยโรคหนองใน มีผู้ป่วย 4,572 รายในปี 2548 เพิ่มขึ้น 8,037 ราย ในปี 2553 จากนั้นลดลงเหลือ 6,814 รายในปี 2557  ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้ร่วมกับสมาคมแพทย์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งประเทศไทย จัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งชาติ พ.ศ.2560-2564 (ระยะเวลา 5 ปี) เพื่อยุติการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นอันตราย ไม่ให้เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศ โดยตั้งเป้าในปี 2564 ลดอัตราป่วยโรคซิฟิลิสไม่เกิน 3.5 ต่อประชากรแสนคน (จาก 4.89 เมื่อปี 2557) และอัตราป่วยโรคหนองในไม่เกิน 8 ต่อประชากรแสนคน (จาก 10.63 เมื่อปี 2557)     
          
“ในโอกาสนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือหน่วยงานเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม รวมพลังจัดกิจกรรมเนื่องในวันเอดส์โลกอย่างพร้อมเพรียงกัน และขอเชิญชวนประชาชนที่ประเมินว่าตนเองมีโอกาสเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวี เข้ารับคำปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง เพื่อให้รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง หากรู้ว่าติดเชื้อเอชไอวี จะได้เข้ารับการรักษาทันที ทำให้วางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว เป็นการหยุดการแพร่ระบาดเชื้อเอชไอวีได้อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลและสื่อต้นแบบได้ที่เว็บไซต์สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ aidssti.ddc.moph.go.th  หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นายแพทย์เจษฎา กล่าวทิ้งท้าย

 

 

บันทึกโดย : วันที่ : 27 พ.ย. 2559 เวลา : 07:58:35

27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 9:48 am