สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -40.26 จุด ทำโลว์ใหม่ของปีนี้ หลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า

  SET แกว่งอิงแดนลบในกรอบ 1724-71 โดยไหลลงตั้งแต่ภาคเช้าจนถึงภาคบ่าย ทำจุดต่ำใหม่ของปีนี้ จากหลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทั้งคลังจี้ธนาคารลดดบ., การควบคุม non-bank คิดดบ. และกังวลการตอบโต้การค้าของสหรัฐฯ-จีน ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิ 204 ลบ. ยุติขาย 4 วันติด แต่ Short S50 Futures 4,153 สัญญา 2 วันติด

ทิศทางตลาดวันนี้ : ดีดกลับตามหุ้นโลกและปัจจัยเทคนิค เก็งสหรัฐฯ-จีนเร่งเจรจา
  หุ้นโลกเมื่อวาน (4 เม.ย.) ซื้อขายผันผวนมาก ดัชนี DJ ระหว่างวันร่วงไปมากกว่า 510 จุด หรือ -2.1% หลังจีนตอบโต้การค้าสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้ามูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ อาทิ ถั่วเหลือง, เครื่องบิน, รถยนต์, เนื้อสัตว์ และปิโตรเคมี เพิ่มความกังวลสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้นในระยะอันใกล้นี้ ก่อนที่ดัชนี DJ จะดีดกลับรุนแรงปิด +230 จุด หรือ +0.94% จากแรงช้อนซื้อหวังจุดต่ำ เก็งสหรัฐฯ และจีนเร่งการเจรจาการค้าก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย  มอง SET มีโอกาสรีบาวด์กลับ ตาม Sentiment หุ้นโลก หลังทั้ง 2 ฝ่ายแสดงท่าทีเร่งเปิดการเจรจาการค้า และเชิงปัจจัยเทคนิค หุ้นไทยลงเร็วจน RSI เริ่มต่ำกว่าระดับ 30 จุด ซึ่งบ่งชี้ภาะขายมากเกินไป อย่างไรก็ดี เป็นการรีบาวด์และยังมีโอกาสแกว่งผันผวน คาดนลท.จะชะลอลงทุนก่อนหยุดยาว และกำลังรอติดตามถ้อยแถลงของประธาน FED และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ วันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับภาวะศก., เงินเฟ้อ และทิศทางอัตราดบ.ในปีนี้ แนวรับ 1710-20 แนวต้าน 1735, 1740-45 อนึ่งการขึ้น XD ของ ADVANC วันนี้จะกดดัน SET -1.0 จุด และผลกระทบ XD จะต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า (9-17 เม.ย.) รวม -3.5 จุด / คาดไม่มีหุ้นติด Cash Balance เย็นนี้ / KOOL จะติด Cash Balance ถึงวันที่ 10 เม.ย. (ถ้าไม่ถูกขยายเวลา)

กลยุทธ์การลงทุน : Wait&See ถือเงินสด > ถือหุ้น, เด้งเป็นจังหวะขายลดพอร์ต
  SET เมื่อวานปิดต่ำกว่า 1760 ยืนยันมุมมองตลาดไตรมาส 2 เป็นแนวโน้มแกว่งซิกแซกในขาลงแล้ว มองโอกาสรีบาวด์ในวันนี้เป็นจังหวะขายลดพอร์ต และยังแนะอยู่ในโหมด Wait & See ถือเงินสดมากกว่าถือหุ้น รอเริ่มทยอยสะสมแบบไม่รีบร้อนที่ระดับ 1720 ลงมา / หากตลาดดีกว่าคาด (มาก) แนะเข้าซื้อตามเมื่อ SET ปิดเหนือ 1760

• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Trading Pick TRUE – มองแนวโน้มผลประกอบการปีนี้จะพลิกมีกำไรสูงถึง 3.09 หมื่นลบ. จาการขายสินทรัพย์ให้ DIF และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น, การควบคุมค่าใช้จ่าย และการแย่งชิงส่วนตลาดจาก DTAC หลังได้รับคลื่น 2300MHz ที่ล่าช้า, การร่วมลงทุนเคเบิ้ลใต้น้ำเชื่อมต่อ 11 พื้นที่ในเอเซียแปซิฟิกสร้างการเติบโตครบวงจรในระยะยาว, เป้าพื้นฐาน 8.4 บ. / WHA เราปรับเป้าพื้นฐานขึ้นเป็น 4.14 บ. จากมูลค่าของบริษัทลูก WHAUP ที่เพิ่มขึ้น และปรับการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี DCF เป็น 1H19 ยังแนะนำ “ซื้อ” รับประโยชน์ EEC / มองหุ้นในกลุ่มรพ.ปลอดภัยจากภาวะตลาดผันผวน ชอบ BCH, BDMS, CHG / CPF คาดจะได้ประโยชน์จากจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ / ส่งออกไทย ก.พ. ขยายตัวดีกว่าคาด ชอบหุ้นอิงธุรกิจยานยนต์ AH, SAT, NYT / หุ้นที่ตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรและเป้าราคาหุ้นขึ้น – AH, AJ, SAT, SEAFCO, TOA, TVO / หุ้นเก็บตกปิดงบ-ปันผลช้า – AEONTS (งบปีสิ้นสุด ก.พ.), BLAND (งบปีสิ้นสุด มี.ค.) / หุ้นได้ประโยชน์ EEC ชอบ CK, STEC, SEAFCO, AMATA, ROJNA, WHA / Summer Play – SNC, SAPPE, TACC / หุ้นปันผลดี (Div. Yield รอบนี้ > 3%) ชอบ  AIT, AP, ASEFA, BIG, ESTAR, FTE, GLOW, KKP, KTB, LH, MCS, MODERN, NYT, PDI, PL, QH, ROJNA, SC, SPRC, WHAUP
• หุ้น Weekly GURU ซื้อ CHG (เป้าสั้น 2 บ.), COM7 (20.3 บ.) / ถือ ADVANC (220 บ.), BIG (3.2 บ.) /ขายเปลี่ยนตัว CPN (-0.6%), SF (-0.5%)
• หุ้นเด่น เม.ย. (Smart Tactics) COM7, IRPC, ROBINS, RS, SF

ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research