ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน คาดว่า SET Index มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นนำ (25/06/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Speculate Energy Play//Stay in Domestic and Defensive

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบกว้างพอควร โดยมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นไปทดสอบใกล้ระดับ 1,650 จุดก่อนที่จะย้อนลงมาปิดทรงตัว ณ สิ้นวัน เนื่องจากรอดูผลการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ 875 ลบ. ส่วนสถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิ 508 ลบ. ขณะที่รายย่อยยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิเกือบทั้งหมด
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเกือบ 5% เมื่อวันศุกร์รับผลการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่เพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตามเรามองดัชนีเพียงแค่รีบาวด์ระยะสั้น เนื่องจากยังต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถเจรจากันได้ภายในวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งจะเริ่มเก็บภาษีหรือไม่ เรายังชอบหุ้นในกลุ่ม Domestic Play มากกว่า Global Play จากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง และคาดว่าจะสามารถ Outperform ตลาดได้ในระยะกลาง-ยาว
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรระยะสั้นหุ้นกลุ่มพลังงาน//พักเงินในหุ้น Domestic และ Defensive 
  หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BGRIM, GLOBAL, MTC, PCSGH, TVO  
  Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$466ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$340ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$27ล้าน ขณะที่เวียดนามมีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศเดียว US$6ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลสงครามการค้าที่ขยายวงกว้าง

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> IRPC<<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
  • แม้จะถูกกระทบจากค่าการกลั่นที่ชะลอตัวลงอยู่บ้าง แต่เนื่องจากมีสัดส่วนน้อยไม่ถึง 20% ของรายได้รวม ขณะที่ ส่วนต่างปิโตรเคมีทั้ง HDPE และ PP ยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ คาดว่ากำไรจากสต็อกน้ำมันจะเร่งตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
  • PE ต่ำเพียง 10 เท่า และราคาหุ้น 3 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลงเกือบ 20% แถมยัง laggard ทั้งกลุ่มพลังงานและ SET มากถึง 12% Downside หลังจากนี้จึงค่อนข้างจำกัด

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) แม้ supply น้ำมันดิบจะเพิ่มน้อยกว่าคาด แต่เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองราคาน้ำมันที่เชื่อว่าจะมีจุดสูงสุดใน 2Q18 เพราะสิ่งที่น่ากังวลคือผลของสงครามการค้าที่เริ่มเห็นแล้ว ดัชนี PMI ของประเทศหลักๆลดลงในเดือน พ.ค.-มิ.ย. จีนเองก็อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบถึง 4 แสนล้านหยวนในเดือน มิ.ย. เพียงเดือนเดียว และวานนี้ PBOC ประกาศลดการกันสำรองแบงก์ (RRR) ลงอีก 0.5% (เม.ย.เพิ่งลดไป 1%) ป้องกันสภาพคล่องตึงตัว การลงทุนใน 2H18 ยังเน้น Domestic plays ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนและจับจ่ายใช้สอยในประเทศ 
  (0) ประชุม OPEC และ Non-OPEC หนุนราคาน้ำมันดิบ โดยที่ประชุมมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วง 2H18 น้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 1.5ล้านบาร์เรล/วัน เหตุผลสำคัญคือเพื่อชดเชยการลดกำลังการผลิตที่มากกว่าข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน (สมาชิกร่วมกันลดถึง 152% ของ 1.2 ล้านบาร์เรล) ราคาน้ำมันดิบตอบรับเชิงบวกทันทีกว่า 5% แต่เช้านี้เริ่มอ่อนตัว 1-2% 
  (0) Window Dressing หากย้อนหลังไป 5 ปี เราพบว่าสัปดาห์สุดท้ายของ มิ.ย. ทั้ง SET และ SET50 จะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1% W-W ที่ระดับความน่าจะเป็นในการให้ผลตอบแทนเป็นบวก 60% ซึ่งก็น่าจะพอคาดเดาได้ว่าเป็นผลจาก Window Dressing และถ้าพิจารณาข้อมูลทั้ง 4 ไตรมาส เราพบอีกว่า ไตรมาส 2 เป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดมากที่สุด เพราะมักเป็นช่วงที่ตลาดพักฐานและไม่มีเงิน LTF เข้ามาหนุนเหมือนปลายปี และด้วยข้อมูลสถิติข้องต้น ประกอบกับการปรับฐานของหุ้นใหญ่ที่ค่อนข้างลึก อีกทั้ง สถาบันได้ลดน้ำหนักการลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้เราเชื่อรอบนี้มีโอกาสเกิด Window Dressing ค่อนข้างสูง ซึ่งประจวบเหมาะกับแรงกดดันจากดอลล่าร์แข็งและ Bond yield สหรัฐฯขาขึ้นที่เริ่มชะลอพอดี อย่างไรก็ตาม การฟื้นกลับยังเป็นภาพระยะสั้น หลังจากนี้ คาดจะ Sideway เพื่อรอดูผลประกอบการ 2Q18
  (-) กลุ่มยานยนต์ถูกกดดันจากมาตรการของทรัมป์ ก.พาณิชย์สหรัฐฯคาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจาก EU ภายใน 2 เดือนนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลาถึง ก.พ. 19 หากพิสูจน์ได้ว่าสหรัฐฯเสียเปรียบจริงจะขึ้นภาษีนำเข้าจาก 2.5% เป็น 20% แม้ผลกระทบเชิงลบนี้จะค่อนข้างจำกัดต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย และผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กังวลนัก เพราะมีสัดส่วนรายได้จากยุโรปน้อย แต่ย่อมกระทบต่อ Sentiment การลงทุนอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะ AH และ PCSGH ที่มีลูกค้าและฐานการผลิตในยุโรป หุ้นในกลุ่มที่ดูปลอดภัยต่อประเด็นนี้มากที่สุดคือ SAT แต่ราคาค่อนข้างเต็มมูลค่า จึงแนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 24.10 บาท ส่วน AH และPCSGH ราคาหุ้นที่ปรับลงเรามองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท และ 13 บาท ตามลำดับ เพราะแนวโน้มกำไร 2Q18 ของทั้งคู่จะ Outperform กลุ่ม
  (+) CK เป็น 1 ใน 3 ยักษ์ใหญ่รับเหมาก่อสร้างไทย ผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเร่งลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ พร้อมกระจายการลงทุนในบริษัทลูกสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ ช่วยลดความเสี่ยง และเป็นแต้มต่อในการรับงานเพิ่ม สำหรับแนวโน้มกำไรปกติปี 2018 คาดฟื้นตัวดี +17% Y-Y เป็น 1.76 พันลบ. โดยมีแรงหนุนหลักจากการเติบโตของเงินลงทุนในบริษัทลูก และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีราว 8% ปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ 6.5 หมื่นลบ. และมีโอกาสรับงานเข้ามาเติมอีกมากจากแผนประมูลโครงการใหญ่ในช่วงที่เหลือของปี รวมมูลค่า 7.8 แสนลบ. ขณะที่ราคาหุ้น Discount NAV ของบริษัทลูกถึง 19% ประกอบกับงานประมูลของภาครัฐเริ่มมีความชัดเจนขึ้น เราจึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีของการซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 34 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

25?มิ.ย.

-?สหรัฐฯ:?ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ค.)?-อินโดนีเซีย:?ดุลการค้า (พ.ค.)

26?มิ.ย.

สหรัฐฯ:?ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)

28 มิ.ย.

สหรัฐฯ: 1Q18?GDP?ขั้นสุดท้าย ตลาดคาดลดลงเหลือ 2.2%?จาก?2.9%

29?มิ.ย.

-?ยูโรโซน:?อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)

ก.ค.

สหรัฐฯเริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 818 รายการ 3.4 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ?

  • (+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันศุกร์หลังจากกลุ่ม OPEC ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้
  • (+) ตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น จากตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังคงทยอยฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ช่วยดันตลาดให้ปรับตัวขึ้น
  • (-) ตลาดเอเชียปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนประเทศส่วนใหญ่ในแถบเอเชียที่เป็น Net Import นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่าธนาคารกลางของจีนจะปรับลด RRR โดยหวังว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทขนาดเล็ก
  • () ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อยจากเงินทุนที่ยังคงไหลออก โดยล่าสุดค่าเงินบาทเข้าใกล้ 33.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 3.04 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.58 ดอลลาร์/บาเรลล์ เนื่องจากกลุ่ม OPEC เพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าที่คาด
  • ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.20 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,270.70 ดอลลาร์/ออนซ์  

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 มิ.ย. 2561 เวลา : 09:16:09

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 12:11 pm