Today Selections >> AP, GULF, MAJOR
Stock S R Comment
AP 9.20 9.60 โครงการใหม่ 2H60 กว่า 30 โครงการ หนุนยอดขาย-ยอดโอนโต
GULF 73.50 76.00 ชนะประมูล SSP ที่โอมาน พร้อมขยายตลาดต่อในประเทศอื่นๆ
MAJOR 24.40 25.25 ขยายสาขาไปประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมปันกว่า 5%
Trade data, THB, FOMC, SSF
Trade : ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือนสิงหาคมมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้
1) การส่งออกเติบโต 6.7% ถึงแม้จะมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ซึ่งเป็นการยืนยันมุมมองของเราที่ว่า โมเมนตัมของการส่งออกรวมไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะชะลอลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก
2) มูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯทรงตัวที่ 0.6% ดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่หดตัว 1.9% แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการเติบโตในอดีต บ่งชี้ว่าไทยเราได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าไม่มากก็น้อย โดยมีสินค้าที่น่าจับตามองได้แก่หมวด รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่ในเดือนสิงหาคมหดตัวถึง 14% ถือเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
3) การนำเข้าขยายตัวถึง 22.8% สูงกว่าที่ตลาดคาดถึง 2 เท่า โดยมีสาเหตุหลักจากการนำเข้าทองคำเป็นสำคัญ ซึ่งถ้าหากหักหมวดนี้ออกไป จะทำให้การนำเข้าจะขยายตัวเพียง 13.9% เท่านั้น
4) จากการนำเข้าที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ จึงทำให้ดุลการค้าขาดดุล 588 ล้านเหรียญฯ ถือเป็นการขาดดุลเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลกดดันต่อค่าเงินบาท ซึ่งล่าสุดหากนับในรอบ 1 วันทำการที่ผ่านมา ถือเป็นสกุลเงินในประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวอ่อนค่ามากที่สุด
FOMC : ปัจจัยสำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นการประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในช่วงดึกคืนวันที่ 26 กันยายนนี้ตามเวลาบ้านเรา โดยไฮไลท์สำคัญครั้งนี้คงจะไม่ได้อยู่ที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.00-2.25% แล้ว เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตลาดนั้น Price in ไปแล้ว 100% แต่จะอยู่ที่ประมาณการเศรษฐกิจฉบับใหม่รวมไปถึง Dot plots ที่จะถูกเปิดเผยออกมาในการประชุมครั้งนี้ โดยสำหรับค่ากลางของ Dot plots ปีนี้นั้น เรามองว่าคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก และนั่นหมายความว่า Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนธันวาคมนี้ แต่หากค่ากลางของ Dot plots ปีหน้าเริ่มมีสัญญาณการปรับลง ย่อมเป็นสัญญาณเชิง Dovish ที่สำคัญ และคาดว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกที่สำคัญต่อตลาดหุ้น และ Sentiment เชิงลบต่อค่าเงิน USD ได้
SSF : ปัจจัยที่เราคงต้องย้ำเตือนต่อไปได้แก่ การที่ SET Index ปรับตัวขึ้นมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีสาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากแรงเก็งกำไรในตราสารจำพวก Single Stock Futures (SSF) ผ่านธุรกรรม Block trade รวมไปถึงธุรกรรมในตราสาร DW ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เงียบหายไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดระดับ Open interest ของ SSF เมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้นอีกเกือบ 1 แสนสัญญา สอดคล้องกับแรงซื้อของพอร์ตนักลงทุน Prop trade 2 พันล้านบาทในวันเดียวกัน บ่งชี้ว่าการเปิดสถานะใหม่นั้นเป็นการเปิดสถานะ Long ส่วนใหญ่
ธุรกรรม Block trade ที่เริ่มกลับมามีความนิยมนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นผลดีต่อดัชนีในระยะสั้น แต่ในท้ายที่สุด หากดัชนีขาดปัจจัยหนุนที่ต่อเนื่องหรือเกิดปัจจัยเสี่ยงรอบใหม่จนทำให้ดัชนีย่อตัวลง อาจทำให้นักลงทุนทยอยปิดสถานะในตราสาร SSF ดังกล่าว จนทำให้เกิดแรงขายในลักษณะ Momentum selling คล้ายๆกับช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมได้อีกครั้ง เราจึงแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุนอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ Open interest อย่างมีนัยสำคัญต่อไป ซึ่งได้แก่ AMATA, BEM, CPF, IRPC, HMPRO, ITD, JAS, KKP, LPN, PTT, SAMART, STA, THAI, TMB, WHA รวมไปถึงหุ้นที่มีธุรกรรมผ่านตราสาร DW ฝั่ง Call เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีสำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น RS เป็นต้น โดยหากต้องการเข้าซื้อหุ้นเหล่านี้ อาจรอให้ราคามีการย่อตัวก่อนค่อยเข้าสะสม น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยกว่า
กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงคาดการณ์ว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในเดือนนี้ต่อไปในกรอบแนวรับที่ 1700 จุดและ 1670 จุด และกรอบแนวต้านที่ 1740 จุดและ 1770 จุด แนะนำนักลงทุนที่ Take profit ไปแล้วบางส่วนที่บริเวณดัชนี 1740 จุด Wait & See รอดูสถานการณ์ โดยหากดัชนีปรับตัวขึ้นต่อไปที่แนวต้านสำคัญที่ 1770 มองเป็นโอกาสในการลดพอร์ตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
แนวรับ 1,745 แนวต้าน 1,766
บทวิเคราะห์วันนี้ :
- VGI (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท) ผู้นำด้านการโฆษณาแห่งโลกอนาคต
Today's Event :
ข่าวเด่น