ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อคืน (14 ส.ค.66) บวก 26.23 จุด รับหุ้นอินวิเดียพุ่งดันหุ้นเทคโนฯ ดีดตัวขึ้น


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,307.63 จุด เพิ่มขึ้น 26.23 จุด หรือ +0.07%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,489.72 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด หรือ +0.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,788.33 จุด เพิ่มขึ้น 143.48 จุด หรือ +1.05% หลังหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และหนุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีทุนจดทะเบียนสูงรายอื่นๆ ดีดตัวขึ้นด้วย

โดยหุ้นอินวิเดียทะยานขึ้น 7.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า หุ้นอินวิเดียยังคงเป็นหุ้น “Top Pick” และคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะได้รับแรงหนุนจากยอดขายชิปที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยอินวิเดียจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ในวันที่ 23 ส.ค.นี้

การพุ่งขึ้นของหุ้นอินวิเดียช่วยหนุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีทุนจดทะเบียนสูงรายอื่นๆ ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้น 1.4% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 6.1%

หุ้นเพย์พาล (PayPal) ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งนายอเล็กซ์ คริสส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอินทูอิท (Intuit) ให้ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของเพย์พาล

หุ้นเทสลา ร่วงลง 1.2% หลังจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y ที่จำหน่ายในประเทศจีน
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากบริษัทคันทรี การ์เดน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. และประกาศระงับการซื้อขายหุ้นกู้ในประเทศจำนวน 11 ชุดเมื่อวานนี้

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และทาร์เก็ต รวมทั้งจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทีมนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ซึ่งนำโดยนายแจน แฮทซิอุซ คาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ปีหน้า ส่วนในการประชุมเฟดครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นใน 19-20 ก.ย.นี้ โกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับ 5.25-5.50%

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 24-26 ส.ค. โดยการประชุมปีนี้จัดขึ้นในหัวข้อ “Structural Shifts in the Global Economy” ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ส.ค. 2566 เวลา : 10:29:38

09-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 9, 2024, 12:21 am