(90).jpg)
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,946.39 จุด ลดลง 361.24 จุด หรือ -1.02%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,437.86 จุด ลดลง 51.86 จุด หรือ -1.16% และ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,631.05 จุด ลดลง 157.28 จุด หรือ -1.14% หลัง ฟิทช์ เรทติ้งส์ ออกมาขู่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐหลายแห่ง รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พร้อมเตือนว่าหากฟิทช์ทำการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง สู่ระดับ A+ สิ่งนี้จะส่งผลให้ฟิทช์ต้องทำการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารมากกว่า 70 แห่งในสหรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่ง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 3.17% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.50% และเมื่อเทียบรายเดือน ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% โดยแรงหนุนจากยอดขายออนไลน์ในวัน Amazon Prime Day
ด้าน ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์บริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า ตลาดถูกกดดันจากการรายงานยอดค้าปลีกที่ออกมาสูงเกินคาด รวมถึง ฟิทช์ เรทติ้งส์ ขู่ลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐ โดยแม้ว่านักลงทุนยังคงให้น้ำหนักเกือบ 90% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ย. แต่นักลงทุนมีความกังวลว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเช่นนี้ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปัจจุบันถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากฟิทช์ขู่ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 2.55% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.68% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.34%
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลง 2.3% หลังมีรายงานว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ปรับลดการถือครองหุ้นในจีเอ็ม
หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.68% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในเดือนพ.ค.-ก.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ของปีงบการเงินบริษัท อยู่ที่ระดับ 4.65 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.45 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 25-26 ก.ค.ในวันนี้ รวมทั้งรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค.,การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ข่าวเด่น